วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ขนุนและมะนาวของพ่อ


ขนุนต้นนี้ พ่อปลูกและเฝ้าฟูมฟักดูแลมันตั้งแต่ยังไม่ป่วย มันตั้งอยู่หน้าบ้านของฉัน ให้ร่มเงาแก่บ้านของเรา เหมือนพ่อ ที่คอยให้ร่มเงาแก่ฉันมาตลอดด้วยเช่นกัน จนตอนนี้ ฉันกับแม่และญาติๆ ได้ทานขนุนอร่อยๆ จากต้นขนุนของพ่อ น่าเสียดาย พ่อไม่ได้มีโอกาสมาทานขนุนด้วยกัน


นอกจากนี้ ฉันกับพ่อ ยังเคยช่วยกันปลูกมะนาว ตอนนี้ก็อยากจะบอกพ่อเหมือนกันว่า มะนาวของเรา เจริญเติบโตสุขภาพแข็งแรงดี แถมลูกก็ดกมากด้วยนะ

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

วันหยุดนี้อยากอยู่กับแม่

เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย แต่พอมาถึงตอนนี้ เริ่มรู้สึกว่า เวลาจะเหลือน้อยลงไปทุกที ดังนั้น ฉันจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ๆ แม่ ได้ทำอะไรเพื่อแม่ ฉันมีความรู้สึกว่า ยามฉันอยู่บ้าน แม่ดูไม่กังวล แม่ดูป่วยน้อยลง มีอาการดีขึ้น ทำให้ฉันเบาใจ
ฉันมีกำลังใจขึ้นมามากเมื่อแม่ตกใจ เมื่อเห็นแผลถลอกที่ขาของฉันเมื่อไปหกล้มมา ก่อนหน้านี้ แม่ไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกใดๆ จากฉันได้มากนัก แต่คราวนี้ ฉันคิดว่าแม่ดีขึ้น วันนี้ ฉันมีดอกไม้สวยๆ ที่ถ่ายเก็บไว้จากที่ต่างๆ มาเป็นของขวัญให้แม่ ให้แม่หายไวๆ กลับมาเป็นแม่ของน้องคนเดิมเสียทีนะแม่นะ

วันนี้ แม่ยอมนั่งรถไปตลาดด้วยกัน แม่เดินไปซื้อของสองสามอย่างที่อยากจะทาน พอกลับมา แม่อยากลวกผักทานเอง ฉันเริ่มรู้สึกว่าแม่คงอาการดีขึ้น อยากให้แม่เป็นแบบนี้ทุกวัน ขอให้คุณความดีที่ฉันได้ทำลงไป ส่งผลให้แม่หายเจ็บหายไข้

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

มาทำบุญช่วยพระสร้างวิหารกันเถอะ




บทความนี้ ฉันขอบอกบุญ เรื่อง ช่วยพระวัดสวนพริกสร้างพระวิหารให้เสร็จ เพราะเกือบปีมาแล้ว ที่ฉันนำหมี ไปฝาก วิหารนี้ ไม่ค่อยมีความคืบหน้าในการก่อสร้างเลย วอนผู้ใจบุญ ช่วยกันสมทบทุนทำบุญได้ ติดต่อมาที่ฉัน หรือถ้าให้ดีเข้าไปอีก มาร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าวกันดีไหม ดูจากสภาพวัด น่าจะมีการปรับปรุงอีกมากนะคะ แต่ทางวัดยังขาดปัจจัยอีกมาก

บ้านใหม่ของหมี







สืบเนื่องจากบทความตอนก่อน อ่านแล้วคงเศร้ากันน่าดู เพราะฉันเองก็เศร้าไม่น้อยตอนที่เขียนบทความนั้น มาคราวนี้ ถึงเวลาที่ความเศร้าจะหายไปบ้าง เพราะฉันมีข่าวดีมาบอก เราเจอบ้านใหม่ของหมีแล้ว น่าอยู่มาก บ้านของหมีตั้งอยู่ในสวนเนื้อที่หลายไร่ ร่มรื่นน่าอยู่ และตั้งอยู่ใกล้วัดสวนพริก หมีได้วิ่งเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ หมีคงมีความสุขกว่าอยู่กับฉันมาก หวังว่า หมีคงลืมความทรงจำอันโหดร้ายๆ ที่เราสองคนร่วมกันเจอะเจอมา และหวังว่า หมีคงได้นอนในที่มิดชิด เพราะฉันกลัวยุงกัดหมี ส่วนฉัน เมื่อได้รับรู้ว่าหมีมีความสุขดีเช่นนี้ ความทุกข์ใจของฉันก็คลายลงบ้าง และขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ฉันกับหมี โดยเฉพาะช่างภาพจำเป็นทั้งสองสาว
ในรูป หมีเฝ้าอยู่หน้าบ้าน น่าแปลกใจ ที่หมีไม่เห่าน้องๆ ของฉันที่ไปถ่ายรูปมาให้เลย ทั้งๆ ที่ธรรมดาแล้ว หมีจะดุมากและเห่าเสียงดังเมื่อเจอคนแปลกหน้า หรือหมีจะรู้สึกได้ว่าพวกเขาคือกัลยาณมิตรของฉัน

วันเข้าพรรษาปีนี้ ฉันทำบุญครั้งใหญ่ให้วัดสวนพริก ต.แม่เหียะใน อ.เมือง เชียงใหม่ ด้วยหวังว่าผลบุญครั้งนี้ จะอุทิศไปถึงพ่ออันเป็นที่รักของฉัน และขออธิษฐานให้ผลบุญที่ฉันทำนี้ ให้ชาติหน้า ฉันกับหมีได้อยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ต้องจากกันอย่างเจ็บปวดแบบชาตินี้อีก เพราะเจ้าของหมีคนใหม่ เจ้าของบ้านหลังนี้ เป็นผู้ช่วยพระสงฆ์ซึ่งมีอยู่องค์เดียวในวัด ก่อสร้างวิหารหลังนี้ นอกจากนี้ ขอขอบคุณพี่ชายใจดี ที่ช่วยทำบุญสร้างวิหารครั้งนี้ ขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้เขามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เรื่องของหมี



การพรากจากกัน มีอยู่ 2 แบบ คือ จากตาย และ จากเป็น ฉันว่าการจากทั้งสองแบบนี้ ต่างก็ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ ฉันเอง ก็เคยมีประสบการณ์ผ่านเรื่องร้ายๆ แบบนี้มาแล้ว ประการแรก การจากที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต คือการจากไปของพ่อผู้เป็นที่รัก พ่อเป็นทุกอย่างของฉัน แต่ก็คงถึงเวลาของพ่อ และฉันก็พยายามสร้างความเข้าใจให้ตัวเองว่า การจากตายนั้น เป็นธรรมชาติที่เราทุกคนจะต้องพบเจอ และจำเป็นจะต้องยอมรับความจริงให้ได้ แม้ว่าะลำบากยากเย็นแค่ไหนก็ตาม ขณะนี้ ฉันคิดเสมอว่า พ่อไม่ได้จากไปไหน พ่อแค่ย้ายที่อยู่จากบ้าน เข้ามาอยู่ในหัวใจของฉันเท่านั้น พ่อยังมีชีวิตอยู่ในหัวใจของฉัน พ่อติดตามฉันไปทุกหนทุกแห่ง เมื่อยามใดที่ลูกท้อ พ่อจะคอยให้กำลังใจให้ลูกคนนี้สู้ต่อไป
การจากแบบที่สองที่เรียกว่า จากเป็น ก็ถือว่าเจ็บปวดไม่แพ้กัน การจากเป็น ที่ฉันรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าการจากกันของความรักแบบหนุ่มสาวเสียอีก ก็คือ การจากไปของหมาคู่ทุกข์คู่ยากของฉัน







หมี คือชื่อของเขา ฉันรักเขามาก นับตั้งแต่วันที่เราได้พบกันครั้งแรก หมี ซึ่งดูไปแล้ว เหมือนหมีจริงๆ ดังนั้น ไม่มีชื่อใดเหมาะสมกับเขาอีกแล้วนอกจากชื่อ หมี ตอนที่หมีเกิดใหม่ๆ ฉันมุดเข้าไปใต้อาคารสำนักงานเพื่อไปเล่นกับหมีและพี่น้องของหมี หมีมีราศีเปล่งปลั่งกว่าใครเพราะหมีอ้วน ตุ้ยนุ้ยกว่าพี่น้องทุกคน คงเพราะหมีเป็นเจ้าถิ่น หมีเปรี้ยวและซ่าห์ตั้งแต่เด็ก เลยไม่มีใครกล้ามาหือกับหมี หมีเลยอ้วนเอาอ้วนเอา ตอนที่ฉันอุ้มหมีครั้งแรก ฉันแอบพาหมีขึ้นมาเล่นบนออฟฟิศ มันนอนซบอยู่กับไหล่ฉัน หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข หมีคงอยากจะฝากเนื้อฝากตัว แล้วฉันก็ใจอ่อน หาริบบิ้นไปผูกคอหมีทำเครื่องหมายว่า “ป๊อบจอง” เนื่องจากได้ข่าวมาว่า ยามที่ทำงานฉัน มีแผนจะนำหมีไปเป็นอาหารจานโด๊ป ไม่ได้การเสียแล้ว ฉันจึงพาหมีเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน โดยไม่ได้บอกกล่าวแม่ล่วงหน้า
ก่อนพากลับบ้าน ฉันนำหมีไปอาบน้ำที่ร้านอาบน้ำสัตว์ คนอาบน้ำ ท่าทางจะเป็นคนงานต่างด้าว เขาลงมืออาบน้ำให้หมีอย่างรุนแรง เนื่องจากว่าตอนนั้น หมีสกปรกและมีสะเก็ดแผลหรือรอยกัดของหมัดจากตัวของแม่หมีและพี่น้องของหมีรุมกัด หมีร้องโวยวายเสียงดัง หมีอยู่ในสภาพที่ตกใจอย่างที่สุด จนฉันสงสาร พออาบน้ำเสร็จเรียบร้อย หมีตัวสั่น นอนอยู่บนตักฉันตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน ฉันปลอบหมีไปตลอดทาง
ฉันคิดว่าจากเหตุการณ์วันนั้น ทำให้หมีช็อค เพราะได้เจอกับเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตทารกหมาของหมี และเมื่อหมีโตขึ้น หมีก็เลยเป็นคุณสุนัขที่ค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น เพราะหมีดุเกินสุนัขธรรมดา
ฉันคิดว่า ฉันก็มีส่วนผิดด้วย ที่เลี้ยงหมีมาอย่างผิดพลาด จากการที่เพิ่งจะสูญเสียพ่อและแมวอันเป็นที่รัก ฉันจึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้ลูกหมาสีดำจอมซนตัวนี้ ฉันมอบตำแหน่งให้หมีเป็นน้องชายของฉัน ฉันไม่เคยดุ ไม่เคยกำราบ ไม่เคยตี บางครั้ง ฉันพูดกับหมีเพราะยิ่งกว่าพูดกับคนบางคนเสียอีก น่าตลกจัง ฉันดูเป็นคนนิสัยเสียไม่น้อย 555
ดังนั้น หมีคงคิดว่า หมีเป็นพี่ชายฉันและหน้าที่ของเขาคือปกป้องคุ้มครองฉันและคุณยาย ซึ่งคือแม่ของฉัน ถ้ามีใครบางคนที่หมีไม่ชอบหน้า โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบสุนัข ซึ่งตามตำรา บอกไว้ว่าจะมีฮอร์โมนเกลียดสุนัขอยู่ในตัว พวกเขา ซึ่งอาศัยอยู่รั้วบ้านเดียวกันแท้ๆ หากว่าได้เดินผ่านเข้าอาณาเขตบ้านฉัน หมีจะเห่าเสียงดัง ขู่ไม่เลิก หากไม่ผูกไว้ หมีอาจพุ่งเข้าไปกัดได้ แต่น่าแปลก ที่หมี กลับชอบเด็กนักเรียนผู้หญิงที่มาเรียนพิเศษที่บ้าน หมีจะเปลี่ยนไปเป็นหมาคนละคน หมีจะกระดี๊กระด๊า กระดิกหาง อ้อนสาวน้อยๆ เหล่านี้ หมีของฉัน เจ้าชู้น่าดู เวลาสอน หมีจะนอนหมอบอยู่ใต้โต๊ะเรียน คอยฟังฉันสอนนักเรียนทุกครั้ง หมีไม่เคยทำอะไรเด็กๆ เลย

เวลาฉันอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน หมีจะคอยตามไปทุกที่ ที่ไหนมีฉัน ที่นั่นต้องมีหมี เมื่อฉันออกจากบ้านไปทำงาน เราจะร่ำลากันอย่างยืดยาว แล้วตอนเย็น เมื่อใกล้เวลาฉันจะกลับ หมีจะต้องมายืนคอยฉันที่หน้าต่างเหมือนในรูปนี้เป็นประจำทุกวัน
บางทีหมีคงคิดว่า หมีเป็นคน เป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้าน
แต่เรื่องเศร้าเกิดขึ้นเมื่อหมีไปกัดน้าของฉันเข้า ครั้งแรก หมีกัดน้าคนโต ตอนนั้น น้าคิดจะนำหมีไปให้เทศบาล โชคดีที่พี่เลี้ยงของฉันรีบโทรไปบอกที่ทำงาน ฉันถึงกับลางานกะทันหันออกมาเดี๋ยวนั้น เพื่อมาช่วยหมี และหลังจากนั้น ฉันก็พาหมีออกมาผจญภัยข้างนอก เรามาหาบ้านเช่ากัน แต่การหาบ้านเช่า ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ภายในวันเดียว และฉันก็ทำให้แม่เป็นห่วงไม่น้อย คืนนั้น ฉันนำหมีไปฝากไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ หมีต้องนอนในกรงเล็กๆ และคงเครียดน่าดู และพอฉันได้รับข่าวจากที่บ้านว่า ทุกคนให้อภัยแล้ว ให้พาหมีกลับมาบ้านได้ เช้าวันรุ่งขึ้น เราไปรับหมีออกมาจากโรงพยาบาล หมีดีใจร้องเอะอะเสียงดังเหมือนจะเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนเขาเจออะไรมาบ้าง ฉันก็ดีใจไม่แพ้หมีเหมือนกัน เพียงแต่ฉันไม่โวยวายเหมือนหมีเท่านั้น แต่หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ของฉันกับน้าคนที่ถูกหมีกัด ก็หยุดชะงักไประยะหนึ่ง เพราะเขาคิดว่าฉันรักหมีมากกว่าเขา ซึ่งเป็นคน เป็นน้าแท้ๆ แต่ฉันกลับเลือกหมามากกว่าเขา อันที่จริงฉันก็รักเขาเช่นกัน แต่การที่เขาทำโดยพลการ จะพาหมีไปไหนก็ไม่รู้ ฉันก็ยอมไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น ฉันกับหมี จึงเลือกที่จะไป ไม่ดีกว่าหรือ
จากนั้นผ่านไปอีกปีกว่าๆ เราคิดว่าคงจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว หมีเอง ก็เคยกัดฉันเป็นแผลลึกหลายครั้ง แต่น่าแปลกที่ฉันไม่เคยโกรธหมีสักนิด คงเพราะฉันรักหมี ถ้าคนที่เรารัก ทำอะไรให้เราเจ็บ แล้วเราสามารถอภัยให้เขาได้ นั่นคือ ความรักที่แท้จริง ฉันเข้าใจความหมายของความรักจากหมาที่ชื่อหมีตัวนี้ น่าประหลาด ที่ความรักจากคน ยังไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้เลย
แล้ววันที่เศร้าและเลวร้ายอีกวันในชีวิตก็มาถึง วันนั้น หมีกระโจนเข้าไปกัดน้าคนเล็ก เนื่องจากหมีคิดจะปกป้องคุณยายของเขา ซึ่งก็คือแม่ของฉันเอง น้าเดินเข้าบ้านมาด้วยเสียงอันดัง เพื่อจะถามแม่ค้าที่มาขายของที่บ้านว่ามีอะไรขายบ้างวันนี้ หมีคงตกใจ นึกว่าน้าจะมาทำอะไรแม่ เลยกระโจนเข้าใส่น้า ขนาดฉันวิ่งเข้าไปห้าม แล้ว แต่คราวนี้ น้าโดนหมีกัดเป็นแผลใหญ่หลายที่ ฉันถึงกับต้องพาไปโรงพยาบาล น้าถูกเย็บหลายเข็ม น้าร้องไห้ และบอกฉันว่า คราวนี้ น้าขอให้นำหมีไปอยู่ที่อื่นเถิด เพราะไม่อยากให้พี่น้องผิดใจกัน ถึงตอนนี้ ฉันเถียงไม่ออกจริงๆ และทำอะไรไม่ถูก นอกจากเงียบ ยอมรับความผิดที่น้องชายตัวเองก่อขึ้นโดยไม่ตั้งใจ อีกสาเหตุหนึ่ง น้าคนนี้ มีบุญคุณกับครอบครัวของฉันมาอย่างต่อเนื่อง ฉันคงปฏิเสธคำขอร้องของเขาไม่ได้จริงๆ
ในที่สุด หมีกับฉัน ก็ต้องแยกจากกัน ฉันร้องไห้ทุกวัน ทุกคืน ฉันมีอาการเศร้าสร้อยอยู่หลายเดือน จนกระทั่งบัดนี้ หมียังอยู่ในจิตใจของฉันเสมอ เมื่อผ่านมาไม่นาน ฉันเพิ่งได้ข่าวของหมี ตอนนี้หมีมีเจ้าของใหม่แล้ว หมีอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี ฉันคิดว่าหมีคงมีความสุขกว่าตอนที่อยู่กับฉัน เพราะหมีอยู่ในที่ๆ เป็นธรรมชาติ หมีไม่ได้ถูกขังให้อยู่แต่ในบ้านเหมือนเมื่อก่อน แต่หมีก็ยังดุเหมือนเดิม ไม่มีใครสัมผัสมันได้นอกจากเจ้าของๆ มัน
ใจจริง ฉันอยากไปเยี่ยมหมีมากๆ ฉันอยากไปเห็นหน้าหมี แต่ฉันสงสารหมีและในเวลาเดียวกันก็สงสารตัวเอง ถ้าฉันไป หมีคงคิดว่าฉันมารับเขากลับบ้านแล้ว ฉันไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง และฉันเอง ก็เศร้าใจไม่น้อย เพราะฉันก็ไม่สามารถนำเขามาอยู่กับฉันได้อีก ชีวิตเราต้องพรากจากกัน เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ อีกแล้ว ตั้งแต่หมีจากไป ทุกเช้า ฉันขอพรพระ ต่อหน้าพระพุทธรูปและรูปของพ่อ ให้ช่วยปกปักรักษาหมีให้ปลอดภัยและอยู่ดีมีสุข ฉันรู้สึกผิดต่อหมีมาตลอด เพราะหมีคงคิดว่าเขาทำผิดอะไร ถึงให้เขาออกไปจากบ้านหลังนี้ เขาคงคิดว่าฉันไม่รักเขาแล้ว และฉัน หายไปไหน?
โชคชะตาคงลิขิตให้เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเพียงแค่นี้ แต่พี่ก็จะรักและคิดถึงหมีตลอดไปนะ เรื่องวันนี้เศร้านิดหน่อย พรุ่งนี้ตาบวมอีกแล้วตรู

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ผู้มาเยือน (2)








คราวนี้ มีแขกมาเยี่ยมที่บ้านบ้าง คนนี้เห็นหน้าบ่อย ชอบมาแวะเวียนเข้าออกบ้านของฉันเป็นประจำ คงเพราะติดใจในความสวยน่ารักของน้องสาวของฉัน เจ้าลักกี้







"สมชาย" คือชื่อที่ฉันเรียกเขา ต้องขอโทษหากไปพ้องกับชื่อของมนุษย์ผู้ใด ไม่ได้เจตนาจริงๆ แต่ฉันว่า เขาหล่อ ท่าทางสง่า สมเป็นชายจริงๆ นี่นา แรกๆ สมชายจะระแวง ขี้กลัว คงเพราะอาจจะโดนไล่ หรือโดนหนังสติ๊กยิงมาเยอะ สมชายเลยค่อนข้างหวาดๆ เวลาฉันจะเข้าไปคุยด้วย แต่วันนี้ สมชายดูเป็นมิตรมากขึ้นคงเป็นผลจากขนมที่ฉันให้บ่อยๆ สมชายชอบกล้องน่าดู สมชายชอบอยู่นิ่งๆ โพสต์ท่าให้ถ่ายรูป สงสัยชาติก่อนสมชายอาจเคยเป็นนายแบบ จริงๆ สมชายเข้ามาทำความรู้จักฉันแล้ว พี่สมฯ เข้ามาใกล้ๆ ยื่นหน้ามาดมๆ เหมือนจะหอมแก้มฉัน แต่ก็ไม่หอม อ้าว ทำไมล่ะสมชาย

วันนี้สมชายมาเที่ยวบ้านฉัน คงเพราะคิดถึงแฟนสาว ลักกี้ เลยต้องมาหา ส่วนลักกี้ก็ นะ คงคิดถึงสมชายเหมือนกัน พอเห็นสมชายเดินเข้าบ้านมา รีบวิ่งไปรับเลย แหม น่าอิจฉา ขนาดหมายังมีฟามรักเลยเฟ้ย มะ มาอยู่ด้วยกันก็ได้นะสมชาย มาสร้างครอบครัวกับลักกี้ที่นี่ ฉันจะได้ไม่เหงา

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ผู้มาเยือน



วันหนึ่ง ที่สำนักงาน มีโอกาสได้รับแขกสำคัญ เห็นแล้วอยากชวนไปอยู่บ้านมากๆ เสือน้อย หน้าตาดี มีโหวงเฮ้ง ชอบเล่นซนเพราะยังอยู่ในวัยเด็ก "เสือน้อย" "มะลิ" เป็นชื่อที่พวกเราตั้งให้ วันนั้นเสือน้อยของพวกเราท่าทางจะหิวน่าดู เลยมีน้องสาวใจบุญ แบ่งขนมให้เสือน้อยกินจนพุงป่อง
อยากเห็นหน้าเสือน้อยบ่อยๆ แวะมาหากันอีกนะ

มีอะไรก็บอกกันตรงๆ

คนเรา มีอะไรอึดอัด คับข้องใจ ก็น่าจะบอกกล่าวกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่หลบหน้าหลบตา ทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกและลังเลว่ามิตรภาพที่มีต่อกันนั้น จริงใจมากน้อยแค่ไหน

มิตรภาพที่ว่า ในอนาคตอาจพัฒนาเป็น กัลยาณมิตร ที่จะยังคงเป็นมิตรกันไปจนแก่จนเฒ่า ในความคิดของฉัน กัลยาณมิตร เป็นมิตรที่จริงใจต่อกันและเกื้อหนุนกันในด้านกำลังใจ ในชีวิต
ฉันคิดว่า ฉันโชคดีที่ได้พบเจอกัลยาณมิตรเช่นนี้ และฉันก็รู้สึกขอบคุณพวกเขาที่คอยส่งกำลังใจและความเป็นห่วงให้แก่ฉัน ฉันมีชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะมีกำลังใจจากกัลยาณมิตรเหล่านี้ ขอบคุณที่เป็นห่วงกัน
ฉันเอง ไม่เคยคิดจะหาใครเป็นมาเป็นที่พึ่ง ฉะนั้น อย่ากลัวไปเลย ว่าการรู้จักกับฉันอาจทำให้เป็นภาระต่อไปในภายภาคหน้า เพราะตั้งแต่หมดพ่อไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะโตเป็นผู้ใหญ่และอยู่ด้วยตัวของฉันเอง อีกทั้งตอนนี้ ฉันยังมีภาระต้องดูแลแม่ พระองค์เดียวที่เหลืออยู่ของฉัน ชีวิตของฉันมีเงาของพ่อไม่ว่าจะในเวลาไหน ความคิดของพ่อวนเวียนอยู่ในความคิดของฉันตลอดเวลา พ่อไม่เคยห่างหายออกไปจากชีวิตและความคิดของฉัน จริงๆ แล้ว พ่อไม่ได้ไปไหนเลย พ่อยังมีชีวิตอยู่ในหัวใจของฉันตลอดเวลา พ่อเป็นผู้ชายที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตของฉัน สมแล้ว ที่ชื่อของพ่ออันเป็นที่รัก คือ ประเสริฐ เพราะพ่อเป็นผู้ชายที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยพบมา












วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เมื่อไหร่พ่อจะมารับ




อยากให้พ่อมารับ นึกถึงเมื่อก่อน ตอนเรียนโรงเรียนประถมที่ดาราวิทยาลัย จะรอพ่อมารับทุกเย็น มีวันหนึ่ง มีเด็กผู้ชายมาแกล้งแหย่แล้วเขาก็วิ่งไปหลบอยู่บนรถบัสของทหาร (น่าจะเป็นรถของกองบิน41) แล้วก็แลบลิ้นปลิ้นตายั่วเราอยู่ข้างในรถ ด้วยความเปรี้ยวในตอนนั้น เลยคว้าก้อนหินเขื่องๆ ก้อนหนึ่งใกล้มือ โยนโครมเข้าไปให้ ผลปรากฏว่ากระจกรถบัสแตก พ่อต้องเสียเวลาไปเจรจาและชำระค่าเสียหายให้เขา สงสารพ่อจัง


ตอนนี้ โตแล้ว เหนื่อยแล้ว อยากให้พ่อมารับ คิดถึงพ่อทุกคืน เมื่อไหร่พ่อจะมารับเสียที บางทีต้องบอกตัวเองว่าให้เข้มแข็ง พยายามเตือนตัวเองว่าอย่าทำให้พ่อห่วง เพราะก่อนพ่อจากไป พ่อมองหน้าฉันไม่คลาดสายตาจนสิ้นลมหายใจสุดท้าย แต่ตอนนี้ ฉันอยากบอกพ่อ หรืออยากฝากใครก็ได้ไปบอกพ่อ ให้มารับฉันได้แล้ว

พร้อมหรือยัง




พร้อมหรือยัง ? เปิดตัวบล็อกแรกของชีวิต โดยใช้ชื่อว่า "พร้อมหรือยัง" เพราะชีวิตนับจากนี้ไป คงต้องใช้ความอดทนอย่างสูง การเป็นคนดีนั้นมันยากจริงๆ นะคะ แต่ก็ตั้งใจจะเป็น เรื่องมีอยู่ว่า ต่อนี้ไป มีคนฝากผีฝากไข้ไว้กับเราแล้ว เขาคนนั้นไม่ใช่หนุ่มที่ไหน อย่าเพิ่งเข้าใจผิด แหะๆ เขาคนนั้น หรือจะเรียกให้ถูกว่า เธอคนนั้นดีกว่า ก็คือแม่ของเราเอง"แม่" คำๆ นี้ ก่อนหน้า ฉันไม่เคยคิดว่าวันหนึ่ง จะรู้สึกรักแม่กับเขาเหมือนกัน ฉันว่านี่คงเป็นธรรมชาติของสายเลือดที่บอกว่าฉันควรทำ ถึงแม้ในอดีต แม่เคยเป็นอย่างไร ฉันเคยทุกข์กับแม่มามากแค่ไหน ฉันเคยทำร้ายตัวเองเพราะแม่ แม่สร้างแผลในหัวใจของฉันไว้หลายครั้ง และฉันเคยโทษแม่ว่าเพราะแม่ ทำให้พ่อจากไป ฉันเคยๆๆๆ เคยเกลียดแม่ด้วยซ้ำตอนเด็กๆ ภาพในอดีตก็แว่บขึ้นมา แม่เคยพาไปดูหนังในโรง พอถึงตอนเลิฟซีน แม่จะเอามือมาปิดตาฉันแล้วบอกว่าอย่าดูลูก มันไม่ดี ฉันยังพอโชคดีหรือมีบุญอยู่บ้างที่อย่างน้อย ก็มีภาพที่ดีของแม่หลงเหลืออยู่ แต่อย่างไรก็ดี ภาพเก่าๆ ของพ่อ มักจะมาบดบังภาพหรือความทรงจำที่มีต่อแม่เสมอ คำถามที่ตั้งไว้เป็นชื่อบล็อกก็คือ พร้อมหรือยัง R U Ready? To Love and Take Care of Mom? ถามแบบนี้ ก็เพื่อจะเตือนตัวเองให้เตรียมรับกับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ฉันเตรียมใจไว้แล้ว ชีวิตฉันทั้งชีวิต ฉันจะยกให้แม่ ฉันอาจจะไม่แต่งงานเพราะฉันจะอยู่กับแม่ ดูแลแม่ตอนนี้ ยากเย็นกว่าดูแลพ่อที่ป่วยทางกายหลายเท่า กรรมคงตามทันฉันด้วย ที่เมื่อก่อนทำตัวไม่ดีกับแม่ไว้มาก แต่นั่นฉันก็คิดว่า ทุกคนเกิดมาล้วนต้องใช้กรรมสรุปคือจะตอบว่า ตอนนี้ฉันพร้อมแล้ว พร้อมจะทำเพื่อแม่แล้ว
ป้ายกำกับ: ทำไมต้อง R U Ready?

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

จมูกใคร


จมูก มีไว้หายใจ จมูกฉันนี้เท่ห์กว่าใคร เพราะมันบานนนนน มากๆ เยยเนอะ ทายซิว่าฉันคือตัวอะไร ?

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Friendship never die

ภาพน่ารักๆ เหล่านี้ บ่งบอกว่า ความรักมีอยู่จริง ความรัก มีอยู่ทุกที่ ความรักจากเพื่อน เราก็สามารถหาได้จากทุกที่เช่นกัน เพราะมีความรักจากเพื่อนหล่อเลี้ยง ชีวิตจึงดำเนินอยู่ได้









รูปน่ารักๆ น่าประทับใจ










ขอบคุณที่นึกถึงกัน











วันครบรอบวันเกิดปีนี้ ถือว่าเป็นวันเกิดที่พิเศษสุด ถึงแม้จะเจอกับหลายๆ ปัญหาที่น่าเศร้า แต่อย่างน้อย โลกใบนี้ ก็ยังมีอะไรดีๆ ขอบคุณทุกคนที่ยังอุตส่าห์นึกถึงกัน รู้ไหมว่า วันนั้น ประทับใจมาก เห็นไหมว่า อย่างน้อย โลกใบนี้ ก็ไม่ได้โหดร้ายกับฉันมากเกินไป ถ้าคราวใด ที่รู้สึกท้อแท้ หรือเหนื่อยที่จะสู้ต่อ ฉันจะนึกถึงวันที่สวยงามวันนี้ ขอบคุณ จริงๆ นะ

ลุงแจวเรือจ้าง...กับหนุ่มนักเรียนนอก


วันนี้มีเรื่องจากฟอร์เวิดส์เมล์มาเล่าให้ฟัง

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา...เรียนเก่งมาก...ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์...จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน...บ้านของเด็กหนุ่มอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบสงขลา...ต้องนั่งเรือแจวข้ามไป...ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง...เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง...?ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...มันห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว...โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?80 บาท...OK...ไปเลยลุง...ในขณะที่ลุงแจวเรือ...หนุ่มนักเรียนนอกก็เล่าเรื่องความทันสมัย...ความก้าวหน้า...ความศิวิไลช์ของอเมริกาให้ลุงฟัง...เมืองไทยเมื่อเทียบกับอเมริกาแล้วล้าสมัยมาก...ไม่รู้คนไทยอยู่กันได้ยังไง?ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน...?ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นไหม?ลุงไม่รู้หรอก ใช้ไม่เป็น...โอโฮ้ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ ชีวิตลุงหายไปแล้ว 25%....แล้วลุงรู้ไหมว่าเศรษฐกิจของโลกตอนนี้เป็นยังไง...?ลุงไม่รู้หรอก...ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป 50 %ลุง...ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง...?ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง...?ลุงไม่รู้หรอกหลานเอ๊ย...ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียวว่าจะทำยังไงถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้ ชีวิตของลุงหายไปแล้ว 75%พอดีช่วงนั้นเกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม?ได้ จะถามอะไรหรือลุง? เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม?ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....ชีวิตของเอ็งกำลังจะหายไป 100 % แล้วพ่อหนุ่ม

อ่านแล้ว ก็เข้าใจว่า ถึงจบด็อกเตอร์ ก็มีโอกาสตายกับเขาได้เหมือนกัน เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล....

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ทำดี ทำไมไม่ได้ดี (สักที?)


ทำไม ทำดีแล้ว ไม่ได้ดีสักที ทำไม คนทำดี ถึงทุกข์หนัก








คงเพราะยังมีกรรมเก่าติดค้างอยู่ งั้นหรือ





วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ให้ดูน้องหมา น้องแมวน่ารักๆ วันนี้เหนื่อย หมดมุข



































คิดอะไรอยู่ พี่หมา........







พวกน้องๆ ล่ะ ดูอะไรกันจ๊ะ......