วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นิ้วโป้งหายไปไหน






วันนี้ตั้งชื่อบล็อกว่า "นิ้วโป้งหายไปไหน" ก็เพราะในเมล์ฉบับนี้ ไม่มีนิ้วโป้งขวาช่วยพิมพ์เหมือนทุกครั้ง
คราวนี้ เลยใช้เวลาเขียนนานมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา บางที หัวสมองมันคิดไปแล้วว่าจะเล่าอะไรบ้าง แต่นิ้วมันช้ากว่าสมองละคราวนี้ เพราะต้องคอยมะงุมมะงาหรา จิ้มนิ้วต่างๆ ลงบนแป้น

อาทิตย์ที่ผ่านมา มีอะไรต่างๆ เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ทั้งเรื่องเอเปค ทั้งเรื่องการสรรหาเลขาฯคณะ ที่ตัวเองไม่อยากไปให้เขาเหยียบหลังขึ้นตำแหน่ง... และสุดท้าย มาจบลงด้วยเรื่องอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดกับสัตว์เลี้ยงในบ้านของตัวเอง...

ประเด็นแรก ที่จะขอเอามาเล่า ก็คงไม่พ้นเรื่องที่โดนเจ้าสีทอง งับ..ให้เต็มๆ

วันนี้ถึงแม้จะนิ้วเดี้ยง ก็ยังพยายามล้างจาน เพราะกองเต็มซิงค์ล้างจาน นอกจากนี้ยังเก็บกวาดบ้าน เนื่องจากอาการปวดแขน ปวดนิ้ว ดีขึ้นมาบ้าง เพราะทนไม่ได้ที่เห็นบ้านรก พอเจ็บขึ้นมาก็พักนิดหน่อย แล้วก็ทำต่อ แต่มีสองอย่างที่ทำบ่ได้ คือ ยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน (ก้อหมอไม่ให้แผลโดนน้ำนี่นา) ...

เหตุเกิดคืนวันก่อน ที่เสือน้อยกับสีทอง แง่งๆ ใส่กันเหมือนเดิม คราวนี้ มันเผชิญหน้ากันในห้องครัว เสือน้อยอยู่บนคานบ้าน ส่วนสีทองอยู่ที่พื้น มันกำลังจะกระโจนเข้าใส่กันเต็มที่ ถ้าเราไม่เข้าไปขวางเสียก่อน

ทุกที เวลาห้ามแมวทะเลาะกัน จะอุ้มเสือน้อยหนีไปเข้าห้องแม่ในบ้านที่ต่อเติมใหม่ แล้วขังเสือน้อยไว้ในนั้น ถ้าเสือน้อยเบื่อ น้อยก็จะมุดออกจากหน้าต่าง หายเข้าป่าไป น้อยไม่มีสิทธิ์ได้นอนในบ้าน เพราะหนูดี สีทอง ไม่ยอมให้น้อยอยู่

สงสารน้อยจัง

ทำไมหนูดี จำน้อยไม่ได้ ตั้งแต่น้อยไปนอนโรงพยาบาลเพราะเป็นโรคไตเฉียบพลัน อยู่ 2 อาทิตย์ น้อยกลับมาจากรพ. หนูดีก็ทำเหมือนน้อยเป็นแมวแปลกหน้า...ทั้งที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันแท้ๆ

ฉันเข้าไปอุ้มสีทอง เพราะสีทองอยู่บนพื้น ก็มวยยกนี้ ขึ้นไปอุ้มเสือน้อยลงมาไม่ได้นี่นา แล้วก็ลืมนึกไปว่า ถ้าแมวทะเลาะกัน เขาให้ใช้น้ำสาดเหรอ อ้อ เพิ่งนึกออก แป่วว... พออุ้มสีทองขึ้นมาเท่านั้น เพราะกะจะเป็นกรรมการห้ามมวย สีทองก็กัดเข้าไปที่นิ้วโป้งเต็มแรง ฉันเจ็บมาก พอสะบัดมันหลุด เลือดก็ปุดๆๆๆ ออกมาจากหลังมือ คราวนี้ คงลึกน่าดู เลือดออกมาเรื่อยๆ คงโดนเส้นเลือดเข้าแล้วกระมัง...มือทั้งมือแดงด้วยเลือดหมดเลยจ้า เลือดแดงเป็นหยดๆ ที่พื้นห้องครัว น่ากลัวมาก เหมือนหนังสยองขวัญเลย...

ตอนนั้นเริ่มปวดตุบๆ แล้ว เอามือที่โดนกัด ไปล้างน้ำ เลือดก็ยังขยันออกมาไม่หยุด หยิบทิชชู สำลี ที่หาได้ มาห้ามเลือด... เลือดไม่ยอมหยุด ง่วงก็ง่วง หลังจากเสร็จงานเอเปค ก็จะนอนแล้วนี่นา คืนนั้นเหนื่อยมากๆ ก็เลยหยิบสำลีมาโปะ ใส่ยา เบตาดีน หาสก๊อตเทปมาพัน แล้วนอน ก่อนหน้าจะโดนแมวกัด เหมือนมีลางสังหรณ์ ก็กินยาพาราสองเม็ดก่อนนอน เพราะตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้

พอตอนเช้าวันศุกร์ตื่นขึ้นมา ปวดแขนแทบหลุด สำลีที่เอามาโปะห้ามเลือด ตอนนี้ กลายเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง เลือดยังไม่หยุดไหลอีกนะ ระหว่างที่ฉันนอน...มันออกมามากขนาดนั้นเลยเหรอ... นอนนิ่งๆ ตื่นๆ หลับๆ อยู่บนที่นอน ปวดแผลก็ปวด ก็คิดอยู่ จะทำไงดีกับชีวิตฟะ ...พอสิบโมง พี่ณีย์โทรมาหา นึกว่าฉันไปเคลียร์งานที่คณะเรียบร้อยแล้ว เพราะวางแผนไว้แบบนั้น ปรากฏว่า อ่าว แกยังอยู่บนเตียงอยู่เร้อ..ห๊า โดนแมวกัด...พอเล่าให้พี่ณีย์ฟัง เลยต้องโดนบังคับให้ไปหาหมอ...

เราไปกันที่รพ.สวนดอก ไม่คิดเลยว่า หมอจะสั่งให้เปิดแผล คว้านแผลให้สะอาดแล้วเอาผ้ากอซไปยัดไว้...โอ้วววโน้ววว...มันเป็นเยอะขนาดนั้นเชียวเร้อคุณหมอ... พี่ณีย์ก็ใจแข็งมาก ยืนอยู่ข้างเตียงตลอด คอยจับมือให้กำลังใจ เจ็บมากตอนที่หมอฉีดยาชา (แต่ถ้าไม่ฉีด คงเจ็บกว่าตอนหมอคว้านแผลละนะ) ตอนที่หมอผ่าตัดเล็กคว้านนิ้วให้ เธอสามารถจริงๆ ในช่วงเวลานั้น ก็หลับตานะ ถ้าอ้ายรักมายืนแทนที่พี่ณีย์ ฉันคงรู้สึกดีกว่านี้แน่นอน... พอหมอคว้านนิ้วเสร็จ ก็โดนฉีดยาไปสองเข็มๆ หนึ่งคือบาดทะยัก ทำให้ปวดแขนน่าดู อีกเข็มคือ พิษสุนัขบ้า... โดนรอบนี้ ยมไปเลย....

หลังจากออกรพ. ปวดแผลมากๆ เพราะยาชาเริ่มจะหมดฤทธิ์ ฉันต้องใส่สายคล้องแขน ... พิการชั่วคราว เมื่อวาน แต่ก็ยังแข็งใจขับรถเข้าเมืองมาหาหมอได้ สตาร์ทรถ ใช้มือซ้าย ตอนขับรถก็ใช้อุ้งมือแทนนิ้วทั้ง 5 ...

ตั้งแต่สีทองกัด พอเห็นสีทอง..ก็ไล่มัน ไปๆๆ ช้านเกลียดแก... เลี้ยงข้าวทุกวันยังมาทำกันแบบนี้ ... สีทองก็เหมือนจะรู้ตัวนะจ๊ะ มันก็หงิมๆ แต่ฉันโกรธมัน งอนนนน...

วันนี้ไปตลาด พ่อค้าปลาทูเจ้าประจำเห็นนิ้วฉันพันผ้าพันแผล เขาก็ถามว่า นิ้วไปโดนหยังมา เลยเล่าให้พี่ปลาทูฟัง ... คุณยายแม่ค้าแคบหมูที่อยู่แผงใกล้ๆ ก็มาฟังฉันเล่าเรื่องแมวกัดอย่างสนใจ ทุกคนดูเป็นห่วง สงสารกัน (จะสงสารหรือสมเพชกันนะ ทำไมมันโง่งี้วะ) .. ..ส่วนผู้ชายคนที่ฉันรักคงสมน้ำหน้า เคยเตือนแล้ว ไม่ยอมฟัง ใช่ม้ายๆๆ

กลับมาบ้าน เห็นสีทองนอนหลับอยู่กับลูกๆ ตอนนี้ ก้อเริ่มสงสารมันนะ เริ่มคิดได้ว่า มันก็สัตว์เดรัจฉานธรรมดาๆ นะ มันคงไม่รู้ตัวหรอก และไม่ได้ตั้งใจที่จะกัดเราด้วย...ก็ฉันเข้าไปอุ้มมันๆ ก็กำลังเครียด กำลังจะสู้กับศัตรูซึ่งก็คือ เสือน้อย ที่อยู่ตรงหน้า มันคงคิดว่าเสือน้อยพุ่งเข้ามากัดมัน..มันถึงได้กัดฉันอย่างไม่รู้ตัวแบบนี้

สรุปแล้ว อโหสิให้มันก็แล้วกัน...ถือว่าเป็นความประมาทของเราเองนะ คราวนี้จะได้จำเป็นบทเรียนว่า อย่าไปยุ่งกับมันเวลามันจะทะเลาะกันน่ะ หรือไม่เช่นนั้นก็หาน้ำสาดมันซะ...

เด๋วพี่อ๋อยจะมาทำแผลให้แล้ว โอ้ววว ม่ายยย....นะ ไม่อยากทำเล้ยยยยย

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เวลาเจอความพลัดพราก

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เขียนในเฟซบุ๊คของท่านไว้ว่า

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง