วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550

วัดอุโมงค์ - ที่พักใจ ตอน 3 ต้นไม้ที่วัด บอกอะไรให้ฉันบ้าง

ภาพนี้ ชอบมากที่สุด โดนจริงๆ ฐานะต่ำ ไม่ใช่น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ คือผู้ไร้ความสามารถ








ยังไม่สาย ที่ได้รู้คุณของแม่



วัดอุโมงค์ - ที่พักใจ ตอน 2 ขอแนะนำพี่บิ๊ก และพี่เต่า


ที่แห่งนี้ สมแล้วที่ฉันเรียกว่าเป็นที่พักใจ ฉันรู้สึกสงบ ทุกครั้งที่ได้มาเยือน พอกลับออกไปจากที่แห่งนี้ ฉันรู้สึกชีวิตได้ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม มีพลังไปสู้กับปัญหาต่างๆ ที่รายล้อม บนเกาะกลางบึงแห่งนี้ มีหลุมศพสองสามหลุม พวกเขาคงอยากอยู่ที่นี่ตลอดไป ฉันก็อยากอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ตอนที่พวกเขายังมีชีวิต ก็คงเคยมาเที่ยวที่นี่และรู้สึกอยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเช่นกัน


ปลาตัวนี้ ฉันขอเรียกว่า พี่บิ๊กนะ หลังจากที่พวกเราให้อาหาร พี่บิ๊กว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำ เข้ามาใกล้ฝั่งตรงที่ฉันนั่งอยู่มากๆ พี่บิ๊กคงขึ้นมาดูหน้าฉัน เพื่อจะขอบคุณ หรือผูกมิตร หรือผูกปิ่นโตกันแน่เนี่ย 5555 ไม่ต้องห่วงนะพี่บิ๊ก พี่จะเอาของอร่อยๆ มาให้อีกแน่นอน รักษาตัวให้รอดจากหม้อแป๊ะซ๊ะเห๊อะ พ่อคู๊ณณณ
5555 แหม พูดเล่นน่า พี่บิ๊ก อย่าโกรธกันน๊า
พี่เต่า ก็ขึ้นมามองหน้าฉันด้วยเช่นกัน คงอยากผูกปิ่นโตอีกราย ^____^

วัดอุโมงค์ - ที่พักใจ ตอน 1 ขอแนะนำ พี่นิล

ฉันค้นพบที่พักใจเป็นบ่อให้อาหารปลาที่วัดอุโมงค์ เมื่อไปยังที่แห่งนี้ ฉันรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ฉันคิดว่ามนุษย์ทุกคน เมื่อมาถึงที่แห่งนี้ ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน


เมื่อได้มาที่นี่ จะมีฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นน้องหมาวิ่งมาต้อนรับกันโขยงใหญ่ เช่นเจ้าดำตัวนี้ ฉันไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอย่างไรดี เพราะตอนนี้ คนที่เป็นแผนกตั้งชื่อให้น้องหมาๆ ของฉัน ก็เงียบหายไป งั้นน้องก็ชื่อเจ้าดำไปก่อนแล้วกันนะ น้องดำตัวนี้ เป็นหมาตัวเมีย แม่ค้าขายไอศครีมที่ฉันไปอุดหนุนในวัดบอกว่า เจ้าดำตัวนี้กำลังท้องอ่อนๆ และมีคนเอามันมาทิ้งไว้ที่วัด น่าสงสารจัง ถ้างั้นฉันจะเรียกเธอว่า นิล นะ ต่อไปนี้ พี่จะเรียกเธอว่า "นิล" นะ แล้วก็จะพยายามมาหา เอาขนมมาให้กินบ่อยๆ นะ นิลกับน้องในท้องจะได้ไม่อดจนผอมโซแบบนี้


นิลเป็นมิตรกับคนแปลกหน้า นิลยิ้มง่าย เคยเห็นหมายิ้มไหม เวลาหมายิ้ม น่ารักกว่าคนยิ้มตั้งเยอะ นิลเดินตามถุงขนมปังที่พวกเราตั้งใจจะนำไปให้ปลา ต้อยๆ จนพวกเราใจอ่อน นิลเลยได้กินขนมปังหนึ่งแผ่น หลังจากได้รับขนมปังจากพวกเรา นิลคาบขนมปังแล้วิ่งกลับไปยังอาณาเขตของมันทันที เพราะมีหมาอีกหลายๆ ตัว ที่เดินตามเรามาเป็นพรวน นิลคงกลัวโดนรุม เพราะนิลประจบได้เก่งกว่าใคร แต่เรายกประโยชน์ให้นิล เพราะเรารู้ว่านิลมีน้องอยู่ในท้อง

แล้วจะเอาขนมมาให้บ่อยๆ นะ พี่นิล

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550

คำคมๆ


แม้สันดานของเราจะยังไม่ดีนัก

แต่จงสร้างจิตสำนึกที่ดีไว้

จิตสำนึกที่ดีจะทำให้ คิด พูด ทำในสิ่งที่ดี

ทำให้บุคลิกงดงามและมีเสน่ห์....

คำคม บาดลึกเข้าไปถึงไส้ติ่ง จาก http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem107356.html

โลกนี้คือละคร

โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน เปรียบเหมือนละคร ถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ บทบาทลีลาแตกต่างกันไป ถึงสูงเพียงใด ต่างจบลงไปเหมือนกัน เกิดมาต้องตายร่างกายผุพัง ผู้คนเขาชัง คิดยิ่งระวังไหวหวั่น ต่างเกิดกันมาร่วมโลกเดียวกัน ถือผิวชังพรรณ บ้างเหยียดหยันกันเหลือเกิน โลกนี้คือละคร บทบาทบางตอน ชีวิตยอกย้อนยับเยิน ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ แสนเพลินเหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน โลกนี้นี่ดูยิ่งดูเศร้าใจ ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไปเหมือนม่าน เปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ ครั้นแล้วไม่นาน ปิดม่านเป็นความเศร้าใจ...

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2550

นิสัย 10 อย่างที่จะทำให้สมองฝ่อเร็ว

1.ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนอาจคิดว่าการไม่ทานอาหารเช้าอาจดูไม่เป็นไร แต่จริงๆ แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเส้นเลือดต่ำ เป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอและยังทำให้สมองเสื่อมลงได้อีกด้วย
2.กินอาหารมากเกินไป การกินมากเกินไป จะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว และเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น
3.การสูบบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย การสูบบุหรี่ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคสมองฝ่อ และเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
4.ทานของหวานมากเกินไป การกินของหวานมากก็จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาสมองได้
5.มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายหากดูดกลืนเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไป จะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยลง ส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพความจำในสมองลดลง
6.การอดนอน สำหรับพวกที่ชอบนอนดึกทั้งหลาย ข้อนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนที่ชอบนอนดึกไม่ว่าจะเป็นสาเหตุใดก็แล้วแต่ ถ้าเราอดนอนเป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายเร็ว
7.การนอนคลุมโปง คนที่ชอบนอนคลุมโปงน่ะ จะทำให้เราเราขาดออกซิเจน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมองด้วย
8.ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนในขณะที่ป่วยจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการไปทำร้ายสมองของตัวเอง
9.ขาดการใช้ความคิด ถ้าเราขาดข้อนี้ไปล่ะก็แย่แน่ๆเลย เพราะถ้าคนเราไม่ใช่ความคิด สมองก็จะไม่ทำงานจนในที่สุดสมองก็จะฝ่อ
10.เป็นคนไม่ค่อยพูด การพูดเป็นทักษะอย่างหนึ่งของการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และจะส่งผลให้สมองและจิตใจแจ่มใส ซึ่งทักษะทางการพูดจะแสดงถึงประสิทธิภาพของสมองของเราด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2550

ตีซี้สมชาย

สมชายกำลังยิ้ม อารมณ์ดีฮะ มาหาแฟน

หวัดดี สมชาย เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ มาบ้านพี่บ่อยๆ นะจะได้เป็นพ่อของลูกลักกี้ไง อิอิ


สมชายสุดหล่อ คราวนี้ฉันตีสนิทสมชายได้แล้ว


โปรดสังเกตุท่านั่งของหนุ่ม.. เต๊ะซะ.... แหม กลัวลักกี้ไม่หลง อิอิ


วันที่ฉันได้มีโอกาสนั่งใกล้ๆ สมชาย ถ่ายรูปสมชายระยะเผาขนแบบนี้ เป็นวันที่มีอะไรหลายๆ อย่างเกิดขึ้นกับฉัน วันนั้น ฉันทั้งท้อแท้ เสียใจ ผิดหวัง ที่แม่ดื้อ เพราะซ่อนยาไว้ใต้ลิ้น แม่ไม่ยอมทานยาอีกแล้ว ทำให้ฉันประสาทกระเจิงไปค่อนวัน แต่จริงอย่างที่เคยได้ยินคนเขาพูดว่า บนโลกใบนี้ ไม่ได้มีสิ่งใดที่ร้ายกับเราเสมอไปหรือจะดีตลอด ไม่งั้นจะเรียกว่าชีวิตได้หรือ เพราะชีวิตของคน ต้องมีทั้งทุกข์และสุข จึงจะเรียกว่าชีวิต
ในขณะที่กำลังโกรธและน้อยใจแม่ แม่กลับบอกฉันว่า "น้องมาดูนี่สิ สมชายมาหาแน่ะ" ประโยคนั้น ทำให้โลกของฉันสดใสขึ้นอีกครั้ง นั่นแสดงว่าแม่เข้าใจฉัน แม่รู้ว่าฉันรักสมชาย และอยากให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ภายในเวลาไม่กี่วินาที ท่ามกลางความศร้าของฉัน แม่และสมชาย หมาไทยตัวนี้ ก็มาเติมแต่งให้ชีวิตฉันมีกำลังใจสู้กับปัญหาต่างๆ ได้อีกครั้ง ฉันจึงได้ปรัชญามาข้อหนึ่งว่า จะสุขหรือจะทุกข์ ล้วนอยู่ที่ตัวเราเป็นคนเลือก เราสามารถเลือกได้ว่าจะทุกข์ หรือจะสุข

หมาเจ็บ



วันนี้ช่วงบ่าย เห็นหมีซีเนียร์มานอนอยู่ใต้อาคารสำนักงาน พอเข้าไปดูใกล้ๆ โอ๊ะโหย๋ พี่หมี มีแผลค่อนข้างใหญ่และลึก เหนือตาขวา ตอนแรกนึกว่าโดนกัดมา แต่ไม่ใช่รอยกัดนี่นา ลองซูมภาพเข้าไปใกล้ๆ อีกนิด แผลเป็นวงกลมเท่าเหรียญบาท ลึกน่าดู น้องที่ทำงานบอกว่าน่าจะเป็นรอยถูกปืนอัดลมยิงถากไป ใครช่างใจร้ายนักนะ น่าสงสารจัง เห็นหมีซีเนียร์เจ็บแบบนี้ ทำให้อดคิดถึงหมีของฉันไม่ได้
ฉันขอความช่วยเหลือจากคนใจบุญรอบตัว เพราะตัวเองก็กำลังจะเข้าประชุม เรามีความหวังจากคณะเพื่อนบ้านว่าเขาจะช่วยมันบ้าง แต่เปล่าเลย เจ้าหน้าที่บอกแค่ว่าให้พาหมาไปที่โรงพยาบาลเอง ไม่มีใครสามารถมาดูมันตอนนี้ได้ แม้จะอยู่ข้างบ้านกันแค่เนี้ย สุดท้าย เมื่อฉันประชุมเสร็จ จึงตัดสินใจหยิบขวดยาแดง เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ฮาลุยเองก็ได้ฟะ เพราะพี่หมีเคยยอมให้ฉันลูบหัวแล้วนี่นา คราวนี้จะลองเสี่ยงเอายาป้ายให้มันดีไหมเนี่ย ฉันรวบรวมความกล้าและกองเชียร์ได้แล้ว แอบหนีงานลงไปใต้อาคารเพื่อหาพี่หมีฯ อีกครั้ง แต่คราวนี้ พี่หมีฯ ไม่นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว หรือมันจะกลับบ้าน สาธุ ถ้าพี่หมีฯ กลับบ้าน ก็ขอให้เจ้านายของพี่หมีพาไปรักษานะ อย่าให้แผลอักเสบล่ะ หายไวๆ ล่ะพี่หมีซีเนียร์

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550

Cute Animals Pics

นี่เธอ อยากไปข้างนอกจังเนอะ
เฮ้ยยย อย่ามาแหยมนะพวก เด๋วป๊าดดดด

แพนด้าน้อย นั่งคิดอะไรอยู่หนอ