วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2551

แม่วาง

หลังความเศร้าโศก น้องๆ ที่ทำงานชวนไปล่องแพที่อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ก่อนนี้แม่วางเป็นตำบลหนึ่งของอ.สันป่าตอง แต่ตอนนี้ แยกออกมาเป็นอำเภอ มาดูรูปสวยๆ กันนะ



ร้านที่พวกเราไปนั่งทานอาหาร ต้องเดินลงไปลำธารด้านล่าง จะเจอเพิงให้นั่งทานอาหารริมน้ำ ถ่ายภาพฝรั่งนั่งแพ พวกเราก็นั่งแพแบบนี้ แต่ผจญภัยมากกว่าเพราะถ่อแพกันเอง หกคะเมนตีลังกา ตกแพนับครั้งไม่ถ้วน กลับมาเขียวไปทั้งตัว แต่ชอบค่ะ คุ้ม เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพระหว่างนั่งแพมา เพราะกล้องอาจพังได้ เพราะอยู่กับน้ำ และตกน้ำตลอด ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งค่ะ ถ้าจะถ่ายรูปก็ไม่ได้นั่งแพ ถ้าจะนั่งแพ ก็อดถ่ายรูปนะ
รูปวิธีส่งอาหารจากร้านอาหาร เท่ห์มากๆ อาหารถูกส่งมาทางอากาศ ชักรอกส่งมาจากร้านข้างบน

ฝรั่งล่องแพ


รูปบรรยากาศเพิงนั่งทานอาหาร









วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

พาแม่นวลไปทำหมัน




ช่วงนี้นวลน้อย พุงป่องมากๆ ป่องและแข็ง หรือนวลจะมีน้องอีกนะ ยุ่งละสิ เพราะตอนนี้ มีสมาชิกแมวเหมียวอยู่ที่บ้านตั้ง 4 ตัว คือ แม่นวล หนูดี เสือน้อย และแต้ม อีกทั้งยังมีคุณนายลักกี้ หมาแสนรู้หูหัก เป็นเพื่อนคู่ใจฉัน
เมื่อวานถึงคิวพาหนูดีไปตัดไหมที่ผ่าตัด หนูดีโลดโผนโจนทะยานสุดๆ จนผ้าพันแผลสีขาวที่คาดพุงหลุดออกมาเรียบร้อย มองเห็นแผลผ่าตัดพร้อมไหมที่ยังไม่ได้ตัด ให้เสียวหัวใจเล่นอย่างนั้น
หมอบอกว่า คลำๆ ท้องดู เกรงว่านวลจะมีน้องอีกครอก แต่ถ้าให้แน่ใจ ต้องพานวลไปเอกซเรย์
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ส่องดูให้แน่ใจดีกว่าว่ามีน้องอยู่ในท้องของนวลหรือไม่ ก่อนจะทำหมันนวล
ผลเอกซเรย์ปรากฏว่า นวลยังไม่มีน้อง แต่น้องที่อยู่ในท้องของนวลคือ ขี้ เอ๊ย อึ หลายก้อน เรียงๆ กัน มองเหมือนกับไส้กรอกอีสาน...
และแล้ว นวลน้อย ก็เลยต้องมีอันขึ้นเขียงอีกครั้ง เย็นนี้จะไปรับนวลกลับบ้าน ขอให้นวลแข็งแรงและไม่เป็นอะไร เพราะถ้าเป็น พี่จะรู้สึกผิดมากๆ ที่พานวลไป แต่ไม่น่า เราต้องไม่คิดอะไรในแง่ลบสิ
พวกเด็กๆ คงคิดถึงแม่นวลกันน่าดู

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2551

หนูดีกลับบ้าน

หนูดีนอนพักฟื้น สงสัยปวดแผล
แม่นวลมาคอยดูลูก เป็นห่วงนะเนี่ย

แม่นวลกำลังจะเลียปลอบขวัญลูกน้อย ต้อนรับกลับบ้าน


วันนี้เวลาประมาณ 11 โมง หมอจากคลีนิคสัตวแพทย์ โทรมาบอกข่าวเรื่องหนูดีกับฉัน หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เพราะใจเอาแต่จะคิดไปในแง่ร้ายจากประสบการณ์แย่ๆ ที่เคยมีกับมอม
เสียงหมอใจดีพูดมาตามสายว่า "หนูดีสบายดีแล้วนะคะ" ฉันถอนหายใจ โล่งอก
ก้อนเนื้อที่เจอที่พุงของหนูดี เป็นแค่ก้อนไขมัน หมอบอกว่า ยัดก้อนนี้กลับลงสู่ที่ของมันเรียบร้อยแล้ว ส่วนตับไตไส้พุง ยังอยู่ดี
หนูดีกลับบ้าน พร้อมพันผ้าพันแผลรอบตัวอีกครั้ง แม่นวลรีบมาต้อนรับลูก คงคิดว่า เมื่อคืนลูกไปอยู่ไหนมา แม่ตามหาทั้งคืน
มาวันนี้ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะแม่ลูก




วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2551

หนูดีเจ็บตัว (2)

เช้านี้หนูดีจะเข้ารับการผ่าตัด
ขอให้หนูดีแข็งแรง หายไวๆ
หลังจากหนูดีโดนลักกี้กับสมชายรุม หนูดีเป็นแผลลึกแต่ไม่รู้ว่า ข้างในของหนูดีจะกระทบกระเทือนด้วยหรือเปล่า เพราะสามสี่วันหลังจากถูกกัด ท้องหนูดีป่องขึ้นและก็คลำดูพบก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง ท่าทางจะไม่ดี เพราะจะหยุดสงกรานต์หลายวัน ว่าแล้วก็เลยพาหนูดีไปให้คุณหมอใจดีดู
ผ่าดูดีกว่า จะได้รู้ว่าข้างในเป็นอะไร
หนูดีอาจงงๆ เพราะหนูดีเองก็ร่าเริง โลดโผนโจนทะยาน ลืมนึกไปว่า ที่พุงของตัวเองก็มีแผลอยู่ วันนี้เปิดแผล เลยมีเลือดออกมายิ้มให้เราเล็กน้อย แต่หมอบอกว่า เลือดที่ยิ้มให้เป็นสีแดง คงไม่น่าเป็นห่วง และอาการของหนูดีก็ร่าเริงดี
หวังว่าหนูดีคงปลอดภัย สู้ๆ นะหนูดี เย็นนี้เจอกัน

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551

My life will go on


มาถึงทุกวันนี้ ทุกคนเอาแต่สงสารฉัน ที่สูญเสียแม่และต้องเผชิญกับสภาวะการอยู่คนเดียวแบบไม่ทันตั้งตัว

ส่วนฉัน ก็สงสารตัวเองไม่น้อยที่ต้องมาประสบพบเจอกับสภาวะที่ว่า แต่จะทำอย่างไรได้ หรือชีวิตของฉันจะถูกลิขิตมาแบบนี้

เฝ้าบอกตัวเองว่า ต้องเข้มแข็ง ไม่งั้นแม่จะเป็นห่วง บางครั้ง นึกอยากจะนอนร้องไห้ แต่ก็เตือนตัวเองว่าถึงเวลาเป็นผู้ใหญ่เสียที คราวนี้ ฉันต้องประคับประคองชีวิตของตัวเองไปให้ตลอดรอดฝั่ง แต่ก็ไม่แคล้วจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า แล้วชีวิตต่อไปจากนี้ จะอยู่ไปเพื่ออะไร เพื่อใคร

คำตอบที่พอจะนึกออก ก็คงอยู่ไปเพื่อหมาๆแมวๆ เพื่อนสี่ขาของฉันเหล่านี้ อยู่เพื่อเพื่อนๆ น้องๆ นิสัยดีที่พบเจอในที่ทำงาน

หรือคำตอบอาจเป็นเพียงเพราะ อยู่ไปเหอะ เพราะยังมีลมหายใจอยู่ เช่นนั้น ฤ

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

ถึงคราวหนูดีเจ็บตัว


หนูดี เป็นแมวน้อยอายุ 4 เดือนเพศผู้ หนูดีเป็นแมวหน้าขาว ในตอนแรกที่หนูดีเกิด ฉันจึงคิดว่าหนูดีเป็นเพศหญิง เลยตั้งชื่อมันว่า หนูดี แต่จริงๆ แล้วหนูดี เป็นผู้ชาย เปลี่ยนชื่อไม่ทันแล้วเสียด้วยเพราะเรียกจนติดปากไปแล้วสิ
เมื่อวาน หนูดี โดนเจ้าสมชายกับลักกี้รุมไล่กัด หนูดีท่าทางจะเจ็บแผลน่าดู มานอนรอฉันอยู่ที่โรงรถ ราวกับว่าจะมาบอกฉันว่าอย่าเพิ่งไปเพราะมันเจ็บเจียนตายแบบนี้ ในวันที่ฉันเตรียมตัวไปนอนค้างบ้านเพื่อน เนืองจากฉันเองก็เจ็บแผลของตัวเองไม่แพ้กัน
ฉันเอง ซึ่งก็เตรียมพร้อมเก็บกระเป๋าข้าวของเตรียมไปค้างบ้านเพื่อนและบ้านป้าในวันหยุด ยกเลิกนัดครั้งนี้ และพาหนูดีไปทำแผล หนูดีเดินไม่ค่อยได้ในตอนแรก หมอเอกซเรย์ดูกระดูกพบว่ากระดูกหลังตรงช่วงก้นเคลื่อนเล็กน้อย ฉันใจเสีย ขาแขนของหนูดีก็ดูไม่ค่อยมีแรง โธ่เอ๊ย หนูดีผู้น่าสงสาร หนูดีจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
ราวกับว่าแม่ไม่อยากให้ฉันไปนอนค้างที่อื่นในช่วงเวลาแบบนี้ จึงดลบันดาลให้หนูดีต้องมีอันเจ็บไข้แบบนี้ ซึ่งวิธีนี้ ใช้ได้ผลกับฉันมากๆ ฉันยกโขยงเพื่อนๆ มานอนบ้านฉันแทน ทุกคนช่วยกันดูแลหนูดี
สองวันต่อมา หนูดีอาการดีขึ้นมากๆ อาการเดิน ที่คิดว่าน่าจะเดินไม่ได้ ก็ดีขึ้น หนูดีเดินแทบเป็นปกติ ตอนนี้หนูดีสำนึกในบุญคุณและดูรักฉันขึ้นมากกว่าเดิม

ฮวงจุ้ยที่นอน

อย่าทำตัวให้ว่าง เพราะจะคิดฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้น ทำเป็นยุ่งเข้าไว้หมู่นี้ วันนี้หยิบอีเมล์เกี่ยวกับฮวงจุ้ยที่นอนมาฝากผู้อ่านมิตรรักแฟนเพลง

ฮวงจุ้ยที่นอน....พิจารณาฮวงจุ้ยของตำแหน่งเตียงนอน

1.เตียงนอนใต้ไฟ ศีรษะมีไฟส่อง กระสับกระส่ายไม่สบายตัว
2.เตียงนอนอยู่ใต้คาน ทำให้ต้องรับภาระหนัก มีเรื่องให้แก้ปัญหาเสมอ
3.เตียงนอนมีเสาบังอยู่ทั้ง 2 ข้าง เหมือนถูกบีบจากเสามีแต่เรื่องเครียดอยู่ตลอดเวลา
4.เตียงนอนตรงประตูทางเข้าออก ป่วยออดๆ แอดๆ เสมอ
5.เตียงนอนตรงประตูห้องน้ำ ป่วยด้วยโรคช่องท้อง เช่น มดลูก ท่อปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก อัมพาต
6.เตียงนอนวางลอยๆ กลางห้อง เหมือนเมรุเผาศพ คนเดินผ่านได้รอบข้างเป็นการจัดวาง ที่รับอันตรายได้รอบทิศทางถือว่าไม่เป็นมงคล
7.กระจกแผ่นใหญ่ส่องเตียงนอน ป่วยง่าย ทำให้ตกใจง่าย เหมือนถูกผีหลอกทั้งๆ ที่เป็นตัวเอง การป่วยจะเป็นการป่วยเรื้อรัง
8.วางเตียงนอนไว้ใต้บันได ถือว่ารับแต่ของสกปรก หรือ อัปมงคลไว้ตลอดเวลาเป็นลักษณะกดทับแก้ปัญหายาก
9.เตียงนอนใต้แอร์ส่วนหัวเตียง ศีรษะจะถูกกดทับ

ฉันต้องเข้มแข็ง เพื่อไม่ให้แม่ห่วง


แม่จากไปแล้ว โลกนี้ จะเป็นอย่างไรหนอ เป็นความคิดที่แว่บผ่านเข้ามาในหัวของฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉันคิดว่า มันคงขึ้นอยู่กับตัวเรา ว่าจะเดินบนโลกนี้คนเดียวอย่างไร

ตอนนี้ ขอเวลาปรับตัว ปรับใจ

ฉันจะทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ให้ดี ไม่ให้คนที่จากไปแล้วต้องเป็นห่วง

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2551

Goodbye My Mother

เช้าวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2551 แม่จากฉันไปอย่างสงบ คำถามหลายข้อ ยังคาอยู่ในหัวใจของฉัน เช่น
แม่เป็นอะไร แม่ไม่สบายตรงไหน
ทำไมฉันไม่ยอมเชื่อแม่และพาแม่ไปหาหมอ
ทำไมวันนั้น วันเสาร์ 6 วัน ก่อนแม่จะเสีย พาแม่ไปหาหมอ แต่ทำไม หมอไม่อยู่
แม่จะโกรธฉันหรือเปล่า ที่ฉันไม่ยอมเชื่อแม่และพาแม่ไปโรงพยาบาลตามที่แม่ขอ
ตอนนี้แม่อยู่ไหน และ
แม่จะรู้หรือเปล่าว่าฉันก็รักแม่ไม่น้อยไปกว่าใคร

ในวันฌาปนกิจแม่เมื่อ 31 มีนาคม 2551 ฉันมีโอกาสอ่านกลอนนี้ในงาน หวังว่ากลอนนี้ จะได้ยินถึงหูของแม่ที่อยู่บนฟ้าด้วย

"ในวันนี้ ลูกได้ดี เพราะแม่ช่วย
แม่กอร์ปด้วย ความดี ที่สั่งสม
ยามลูกดื้อ แม่ถือไม้ ใช้อบรม
ยามลูกตรม แม่ปลอบใจ หายทุกข์พลัน
ต่อแต่นี้ แม่จากไป ลูกใจหาย
ยามเจ็บไข้ จะได้ใคร ช่วยปลอบขวัญ
หาอาหาร หวานคาว ทุกสิ่งอัน
บุญคุณนั้น จำใส่ใจ ไม่ลืมเลือน"

ฉันเสียใจที่ยังไม่ได้ทำอะไรหลายๆ ให้แม่ หรือทำกับแม่ ถ้ารู้ว่าแม่จะได้อยู่ด้วยกันอีกไม่กี่วัน ฉันคงทำตัวให้ดีกว่านี้ ฉันจะอยู่กับแม่ พูดจาไพเราะเสนาะหู ไม่ทำให้ท่านขุ่นเคืองใจ แต่ตอนนี้ ฉันไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นอีกแล้ว