วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

คำสอนดีๆ จากท่านว.

จาก fb ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
"ได้รับจากป่า จงให้คืนแก่ป่า
ได้รับจากน้ำ จงให้คืนแก่น้ำ
ได้รับจากดิน จงให้คืนแก่ดิน
ได้รับจากสังคม จงให้คืนแก่สังคม
ได้รับจากโลก จงให้คืนแก่โลก
อย่ามัวคิดแต่ว่า “ฉันจะได้อะไร”
จงคิดแต่ว่า “ฉันจะให้อะไร”

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

ทุกอย่างย่อมมีทั้งดีทั้งไม่ดี

จาก fb ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
"ทุกอย่างย่อมมีทั้งดีทั้งไม่ดี มีทั้งได้ทั้งเสีย
ไม่มีใครได้ทุกอย่างดังใจหวัง และก็ไม่มีใครที่ชีวิตนี้จะพลาดหวังหมดทุกอย่าง
ชีวิตย่อมมีผิด มีถูก มีขึ้นมีลง ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมตั้งตัวรับมือกับการขึ้นลงของชีวิตให้ดี
อะไรเข้ามาก็รับให้ทัน แล้วเรียนรู้จากมัน สุขก็เรียนรู้ ทุกข์ก็เรียนรู้ สมหวังก็เรียนรู้ ผิดหวังก็เรียนรู้
ถ้าเราตั้งกติกาให้ตัวเองไว้อย่างนี้ ชีวิตนี้จะมีแต่กำไรทั้งหมด"

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

ในวันที่อ่อนล้า

จากเฟซบุ๊คของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
เมื่อใดก็ตามที่เธอฆ่าความสำคัญมั่นหมายว่า
“ฉันต้องเป็นที่หนึ่งตลอดกาล” หรือ “ฉันต้องเป็นคนสำคัญที่สุด”
ให้อันตรธานไปเสียได้ เมื่อนั้นไซร้ ชีวิตของเธอจะคลี่คลาย เรียบง่าย
และเข้าใกล้โมงยามแห่งความสงบสุขอย่างไม่น่าเชื่อ”

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

เมื่อคืนฝันถึงแม่ หลังจากที่ไม่ได้ฝันมาหลายเดือน
ในฝัน เราไปต่างประเทศ แม่โทรมา ใจก็วิตกว่า พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะในฝันพ่อเริ่มป่วยแล้ว
แต่โล่งอกเมื่อแม่บอกว่า เรื่องที่โทรมา เป็นแค่อะไรสักอย่าง (จำไม่ได้) พ่อยังคงอยู่กับเรา ไม่หายไปไหน
อยากให้ความฝันนั้นเป็นจริงจัง
แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพ่อกับแม่ของฉัน จากฉันไปได้เกือบสองปี (แม่) และเกือบแปดปีแล้ว(พ่อ)

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

To love somebody

Giving someone all your love is never an assurance that they’ll love you back.
Don’t expect love in return;
just wait for it to grow in their hearts,
but if it doesn’t, be content it grew in yours.

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ท่านว.บอกว่า

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
"ต้นทางของความอดทนนั้นขมขื่น แต่ผลบั้นปลายของมันหวานชื่นเสมอ"

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ท่านว.บอกว่า

รถทุกคันล้วนมีเบรก รถทุกคันล้วนมีท่อไอเสีย คนทุกคนต้องมีเบรกคือสติ ต้องมีท่อไอเสียคือการปล่อยวาง

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จงรักบริสุทธิ์ ในจุดที่อยู่ห่างไกล

ได้มาจากเว๊บ
http://bookloverclub.ipbfree.com/index.php?showtopic=474

...จงฝัน ในฝันที่ไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้
จงต่อสู้ แม้กับศัตรูที่ไม่มีทางจะสู้ไหว
จงอดทน ต่อความโศกเศร้าที่ไม่อาจทานทน
และจงฟันฝ่าไป แม้แต่ในที่ซึ่งคนกล้าที่สุดก็ยังไม่กล้าก้าวไปสู่...

จงแก้ไขในสิ่งผิดที่ไม่อาจแก้ไขได้
จงรักบริสุทธิ์ ในจุดที่อยู่ห่างไกล
จงพยายาม แม้สองแขนจะอ่อนล้า
เพื่อเอื้อมคว้าดาว ที่ไม่มีวันจะคว้าถึง

วาสน

เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

If I ain't got you baby

ไปเจอมาจากใน FB ของคนอื่น
ชอบจังๆๆ เพลงอะไรนะ

Some people live for the fortune คนบางคน มีชีวิตอยู่เพียงเพราะรอโชคชะตา
Some people live just for the fame คนบางคน ก็มีชีวิตอยู่เพียงเพื่ออยากมีชื่อเสียง
Some people live for the power yeah คนบางคน ก็มีชีวิตอยู่เพื่ออำนาจ
Some people live just to play the game คนบางคน ก็มีชีวิตอยู่ เพียงเพื่อจะเล่นแค่เกม
Some people think that the physical things และคนบางคน ก็คิดเพียงแค่เรื่องของรูปกายภายนอก

Define what's within ลองดูกันว่า มีอะไรอยู่ข้างในนั้นบ้าง
I've been there before ฉันเคยผ่านตรงจุดนั้นมาแล้ว
But that life's a bore แต่ชีวิต ก็เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ
So full of the superficial ที่เต็มไปด้วยความจอมปลอม

Some people want it all คนบางคน ก็ต้องการไปเสียทุกอย่าง
But I don't want nothing at all แต่ฉัน กลับไม่ต้องการอะไรเลย
If it ain't you baby ถ้าฉันไม่มีเธอ...
If I ain't got you baby ถ้าฉันไม่ได้รักเธอ...

ท่านว. บอกว่า

ท่านว. บอกว่า
ความทุกข์เกิดขึ้นจริง ๆ เพียงครั้งเดียว แต่ความคิดเกิดวนเวียนซ้ำซากนับพันครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ได้มาจากเว๊บ
http://bookloverclub.ipbfree.com/index.php?showtopic=474

...จงฝัน ในฝันที่ไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้
จงต่อสู้ แม้กับศัตรูที่ไม่มีทางจะสู้ไหว
จงอดทน ต่อความโศกเศร้าที่ไม่อาจทานทน
และจงฟันฝ่าไป แม้แต่ในที่ซึ่งคนกล้าที่สุดก็ยังไม่กล้าก้าวไปสู่...
ฉายดนัย

จงแก้ไขในสิ่งผิดที่ไม่อาจแก้ไขได้
จงรักบริสุทธิ์ ในจุดที่อยู่ห่างไกล
จงพยายาม แม้สองแขนจะอ่อนล้า
เพื่อเอื้อมคว้าดาว ที่ไม่มีวันจะคว้าถึง

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันดีๆแม้จะหดหู่อยู่บ้าง

ข่าวคราวยังเงียบหาย
เครียดมากหรือไงนะ อยากรู้จังว่ามีปัญหาอะไร
แต่ช่างเถอะ...ถ้าเขาว่าง ก็คงติดต่อมาเอง...
วันนี้ช่วงเย็น แวะซื้อหนังสือดีๆ ตั้ง6เล่ม หมดไปแปดร้อยกว่าบาท
โทรคุยกับเล็ก เรื่องสวดมนต์
เวลาว้าวุ่นใจ ธรรมะและข้อคิดดีๆ ช่วยได้จริงๆ

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ภูเขาและดวงจันทร์

จากเว๊บของนิ้วกลมคนเก่งค่ะ
http://www.roundfinger.com/?paged=7

ภูเขา
เวลาฉันมองเธอไกลๆ
เวลาฉันมองเธอใกล้ๆ
แบบไหนที่ทำให้ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอเป็นจริงๆ

ดวงจันทร์
เวลาฉันมองเธอไกลๆ
เวลาฉันมองเธอใกล้ๆ
แบบไหนที่ทำให้ฉันเข้าใจในสิ่งที่เธอเป็นจริงๆ

หรือแท้จริงแล้ว
ภูเขาและดวงจันทร์
ก็เป็นในแบบที่เธอเป็นเช่นนั้น
ทว่าฉันต่างหากที่เคลื่อนไหว
เข้าใกล้-ออกห่าง
จึงเห็นเธอต่างไป.

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บางครั้งในชีวิต
ก็มีสิ่งที่ไม่อยากให้มันเกิด
เรียกกันให้เข้าใจง่ายๆ คือ ความผิดหวัง

ความผิดหวัง สมหวัง ล้วนเป็นธรรมดาของโลก
อย่ามาคิดเลยว่า ทำไมเรื่องนั้น เรื่องนี้ ถึงได้เกิดขึ้น...ทำไมถึงไม่เป็นอย่างที่เราหวังไว้
มาคิดดีกว่าว่า จะแก้ปัญหานั้นอย่างไร จะรับกับความไม่พึงปรารถนา หรือเจ้าความผิดหวังนี้ได้อย่างไร
ข้อแรก ... ยอมรับว่า นี่คือกฏธรรมชาติของโลก
ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกสิ่ง ทุกผู้ ทุกคน ที่อยู่บนโลกกลมๆ ใบนี้
ต่างก็เปลี่ยนแปลง ไปตามสภาวะ เวลา สิ่งแวดล้อม... และอื่นๆ อีกมากมาย

อย่ายึดติด ว่าเขาจะเป็นเหมือนกับเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน... อย่าคาดหวัง...อย่า..อย่า...และหลายอย่า ...อีกมากมาย

เป็นยังไงก็เป็นกัน

วันนี้อดไม่ไหวแล้ว ขอโวยวายๆๆๆ
อดทนมานาน ได้สิบวันเต็มๆ พอดี...
คราวนี้ ฝีมือดีขึ้นนะ เพราะไม่ร้องไห้สักแอะ... การสวดมนต์ก่อนนอนช่วยได้มาก
อดทนไม่ไหว เลยระเบิดไปสักที
ระเบิดออกไปแล้วก็โล่งใจนะ และยอมรับว่า อะไรๆ ที่เกิดขึ้นตามมา อาจไม่สวยหรูอย่างที่ใจอยากให้เป็น
หลังจากครั้งนี้
อาจไม่ได้คุยกันอีก
หรือหลังจากครั้งนี้
จะเข้าใจกันมากขึ้น
ช่างเถอะ อย่าไปคิดเลย...ว่าอะไรรออยู่ตรงหน้า
แค่ขอให้ยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนแต่เป็นผลจากการกระทำของตัวเองในวันนี้

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป

ขออนุญาตนำบทความของ ว.วชิรเมธี มาเผยแพร่ดังนี้

สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป
เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง
แต่เมื่อเขาไม่ฟัง และคุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว
ก็คงต้อง “ปล่อยมันไป”

ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน
หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป

เพราะหากเรามัว แต่จะ “นับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา”
เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่
(มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง)

ดังนั้น ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้
เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง “ปล่อยมันไป”

เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และมีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว
อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด...แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ

เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้
ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า
พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด

อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเองเพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์
แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณ

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

If I believe in love , can I believe in you

Love makes me hurt
Love makes me cry
Love , anyway I will try

Love make people blind , I know so well
But I still love..you.

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

มุมมองดีๆ เกี่ยวกับความรัก

การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักตอบ
อย่าหวังที่จะได้รับตอบ
แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา
แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเรา

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หัวใจสลาย

ของขวัญวันเกิดปีนี้ คือคำพูดที่บอกว่า ดูแลเราไม่ได้...
ไม่เห็นต้องพูดแบบนี้เลย ไม่ได้อยากให้มาดูแลสักกะหน่อย....
ความรัก ไม่จำเป็นต้องลงเอยด้วยการได้อยู่ดูแลกันหรอก....
การดูแลกัน ทำได้หลายรูปแบบ....

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Just believe in someone you love

แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ
อยากจะบอกตัวเองว่า จงรอเขาอย่างอดทน
นี่อาจเป็นอีกบทเรียนหนึ่ง ของความรัก
การปรับตัว...การฝึกตน ให้อดทนมากขึ้น เพื่อคนที่เรารัก
เอาน่า..เขาไม่เคยทำให้เราเสียใจ...เขาแค่อาจต้องการเวลาคิดเรื่องนี้นิดนึง
ตามปกติ เขาก็เป็นคนช้าอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ เราต่างหาก ที่เร็วเกินไป โรคประจำตัว แก้ไม่หาย คือ อยากจะรู้อะไรเดี๋ยวนั้น ใจร้อน...
เราต้องนิ่งน่ะ อย่าใจร้อน

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทำใจดีๆ ไว้


ต้องทำใจน่ะ อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องปลง
คำตอบที่ได้รับอาจจะน่าพอใจหรือไม่ก็ได้ เราไม่มีทางหยั่งรู้ จนกว่าจะได้ยินคำตอบนั้นออกมาจากปากของเขา
หากคิดไปก่อนว่าคำตอบที่ได้นั้นจะเป็นอย่างไร
ส่วนใหญ่มักจะคิดไปในแง่ลบไว้ก่อน ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการบั่นทอนตัวเอง
ทำใจให้นิ่ง หาอะไรทำให้ยุ่งๆ เข้าไว้
พยายามอย่าให้เขามามีอิทธิพลเหนือชีวิตของเรา (แต่อันนี้ทำยากมาก ขอบอก)
ให้คิดไว้ว่า ก่อนหน้าที่จะมาเจอเขา เราก็ยังอยู่ได้อย่างดี ให้คิดถึงจุดนั้นให้มากๆ
ความผิดหวังสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลา
ดังนั้น จงตั้งใจมั่น รอรับฟังคำตอบ
คำตอบนั้นจะดีหรือจะร้ายอย่างไร มันก็คือคำตอบอยู่วันยังค่ำ
อย่างน้อย มันก็ทำให้เราโล่งใจที่ได้รู้คำตอบนั้นเสียที

ปีนี้จะได้ของขวัญวันเกิดไหมนะ

วันนี้แต่มีแต่เรื่องวุ่นวายใจ
เริ่มจากตอนเช้า ทนไม่ได้ที่เห็นคนใส่หน้ากากเข้าหากัน อารมณ์เสีย....
คนเราลืมได้ไวขนาดนั้นเลยเหรอ...
ก็เพราะเป็นแบบนี้ไง เราถึงไม่ได้ใหญ่ไปกว่านี้แล้วน่ะ 555 แต่ช่างเหอะ ไม่ทะเยอทะยานแล้วผิดตรงไหนล่ะ

หัวเสียเรื่องประชุม เรื่องลูกน้อง เลยทำให้พาลไปหมด...พาลทุกอย่าง แม้แต่กับ เขา...งอน แต่พอเขาคุยด้วย ก็หาย...

อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดแล้วสินะ.... อยากอยู่กับคนที่รัก...แค่กินข้าวมื้อเดียวก็ได้
ใจจริงแล้ว อยากชวนไปทะเล ไปรำลึกความหลัง....กี่ปีมาแล้วล่ะ...
แต่ไม่อยากหวัง...เพราะกลัวว่าจะผิดหวัง....
ถ้าถามไปแล้ว จะได้คำตอบว่าอย่างไรนะ
สับสน วุ่นวาย กังวล...

ไม่น่ามีวันเกิด มาเป็นเงื่อนไขให้ชีวิตเลย
ก็เพราะเขาสำคัญกับเรามาก ถึงได้เป็นแบบนี้ไงล่ะ

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความรักของฉันเดินทางมามากกว่าหมื่นกิโลเมตร



และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องพา "ใหม่เสมอ" รถใหม่คู่ใจ เข้าศูนย์เพื่อเช็คระยะหมื่นกิโลเมตร
เผลอแป๊บเดียว เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก...

รถคันนี้ วิ่งมาแล้ว หมื่นกิโลกว่าๆ แต่ความรักของฉัน ยั่งยืน ยาวนานกว่านั้นมากนัก...

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ใครนะ ใจร้ายทำหนูดีได้ลงคอ


เมื่อคืนมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกแล้ว
ช่วงนี้เป็นอะไรนะ มีเหตุกับแมวๆ ในบ้านบ่อยมาก อาทิตย์ก่อน ก็เริ่มด้วยสีทองมากัดพี่ป๊อบเสียจนนิ้วเหวอะ ต้องให้หมอคว้าน
เมื่อวานแผลเพิ่งจะดีมาบ้าง เจอเหตุการณ์ร้ายๆ กับหนูดีอีก
กลับมาถึงบ้านตอนเย็น ก็เอะใจนิดๆ ว่าทำไมวันนี้สายตาหนูดีที่มองเรามันแปลกๆ นะ นั่นคงโดนฉมวกยิงเข้าตั้งแต่เย็นแล้ว แต่ไอ้เรา ฤ ก็ซื่อบื้อ ไม่ทันสังเกต พอตกค่ำ ใกล้จะสองทุ่ม หนูดีคงไม่ไหวแล้ว มานอนเผละลงข้างๆ ตัว เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ที่ต้นขาหน้า ด้านขวาของหนูดี มีเหล็กปักอยู่ ตอนแรกตกใจ นึกว่ามันวิ่งไปชนเสาอากาศทีวี รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า โทรบอกหมอ ขอพาหนูดีไปพบหน่อย ก็กลัวคลีนิคจะปิดนี่นะ
หนูดีน่าสงสารมาก ตอนพาหนูดีไปหาหมอ ฉมวกบ้านั่นยังติดคาอยู่ที่ตัวของหนูดี เป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวมากๆ
หมอที่รพ.สัตว์ที่บ่อสร้าง ก็ใจดีมากๆ ดูแลหนูดีให้อย่างดี...หมอต้องฉีดยาสลบ เพื่อเอาฉมวกออกมา ฉมวกสภาพเก่า สนิมเขรอะ...คนยิงคือใครกันนะ ทำไมใจร้ายจัง...
หมอทำแผลให้หนูดีแป๊บเดียว แล้วก็ให้หนูดีมาฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบที่บ้าน คืนนี้ไม่ต้องนอนค้างที่รพ.
นั่งลุ้นสังเกตุอาการของหนูดี ตอนที่หนูดีเมายา แววตาแบบนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อน ท่าทางจะปวดมากๆและไม่เป็นตัวของตัวเองแน่เลย ขนาดเราที่เป็นเจ้าของจะเข้าไปใกล้ๆ มันก็ขู่ฟอดๆ
แต่อาการคงน่าจะดีขึ้น เพราะหนูดีสามารถขึ้นมานอนที่ห้องน้ำชั้นบนได้ ซนเหมือนเดิมแบบนี้ คงหายดีอีกไม่กี่วันนะจ๊ะหนูดี

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นิ้วโป้งหายไปไหน






วันนี้ตั้งชื่อบล็อกว่า "นิ้วโป้งหายไปไหน" ก็เพราะในเมล์ฉบับนี้ ไม่มีนิ้วโป้งขวาช่วยพิมพ์เหมือนทุกครั้ง
คราวนี้ เลยใช้เวลาเขียนนานมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา บางที หัวสมองมันคิดไปแล้วว่าจะเล่าอะไรบ้าง แต่นิ้วมันช้ากว่าสมองละคราวนี้ เพราะต้องคอยมะงุมมะงาหรา จิ้มนิ้วต่างๆ ลงบนแป้น

อาทิตย์ที่ผ่านมา มีอะไรต่างๆ เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ทั้งเรื่องเอเปค ทั้งเรื่องการสรรหาเลขาฯคณะ ที่ตัวเองไม่อยากไปให้เขาเหยียบหลังขึ้นตำแหน่ง... และสุดท้าย มาจบลงด้วยเรื่องอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดกับสัตว์เลี้ยงในบ้านของตัวเอง...

ประเด็นแรก ที่จะขอเอามาเล่า ก็คงไม่พ้นเรื่องที่โดนเจ้าสีทอง งับ..ให้เต็มๆ

วันนี้ถึงแม้จะนิ้วเดี้ยง ก็ยังพยายามล้างจาน เพราะกองเต็มซิงค์ล้างจาน นอกจากนี้ยังเก็บกวาดบ้าน เนื่องจากอาการปวดแขน ปวดนิ้ว ดีขึ้นมาบ้าง เพราะทนไม่ได้ที่เห็นบ้านรก พอเจ็บขึ้นมาก็พักนิดหน่อย แล้วก็ทำต่อ แต่มีสองอย่างที่ทำบ่ได้ คือ ยังไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน (ก้อหมอไม่ให้แผลโดนน้ำนี่นา) ...

เหตุเกิดคืนวันก่อน ที่เสือน้อยกับสีทอง แง่งๆ ใส่กันเหมือนเดิม คราวนี้ มันเผชิญหน้ากันในห้องครัว เสือน้อยอยู่บนคานบ้าน ส่วนสีทองอยู่ที่พื้น มันกำลังจะกระโจนเข้าใส่กันเต็มที่ ถ้าเราไม่เข้าไปขวางเสียก่อน

ทุกที เวลาห้ามแมวทะเลาะกัน จะอุ้มเสือน้อยหนีไปเข้าห้องแม่ในบ้านที่ต่อเติมใหม่ แล้วขังเสือน้อยไว้ในนั้น ถ้าเสือน้อยเบื่อ น้อยก็จะมุดออกจากหน้าต่าง หายเข้าป่าไป น้อยไม่มีสิทธิ์ได้นอนในบ้าน เพราะหนูดี สีทอง ไม่ยอมให้น้อยอยู่

สงสารน้อยจัง

ทำไมหนูดี จำน้อยไม่ได้ ตั้งแต่น้อยไปนอนโรงพยาบาลเพราะเป็นโรคไตเฉียบพลัน อยู่ 2 อาทิตย์ น้อยกลับมาจากรพ. หนูดีก็ทำเหมือนน้อยเป็นแมวแปลกหน้า...ทั้งที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันแท้ๆ

ฉันเข้าไปอุ้มสีทอง เพราะสีทองอยู่บนพื้น ก็มวยยกนี้ ขึ้นไปอุ้มเสือน้อยลงมาไม่ได้นี่นา แล้วก็ลืมนึกไปว่า ถ้าแมวทะเลาะกัน เขาให้ใช้น้ำสาดเหรอ อ้อ เพิ่งนึกออก แป่วว... พออุ้มสีทองขึ้นมาเท่านั้น เพราะกะจะเป็นกรรมการห้ามมวย สีทองก็กัดเข้าไปที่นิ้วโป้งเต็มแรง ฉันเจ็บมาก พอสะบัดมันหลุด เลือดก็ปุดๆๆๆ ออกมาจากหลังมือ คราวนี้ คงลึกน่าดู เลือดออกมาเรื่อยๆ คงโดนเส้นเลือดเข้าแล้วกระมัง...มือทั้งมือแดงด้วยเลือดหมดเลยจ้า เลือดแดงเป็นหยดๆ ที่พื้นห้องครัว น่ากลัวมาก เหมือนหนังสยองขวัญเลย...

ตอนนั้นเริ่มปวดตุบๆ แล้ว เอามือที่โดนกัด ไปล้างน้ำ เลือดก็ยังขยันออกมาไม่หยุด หยิบทิชชู สำลี ที่หาได้ มาห้ามเลือด... เลือดไม่ยอมหยุด ง่วงก็ง่วง หลังจากเสร็จงานเอเปค ก็จะนอนแล้วนี่นา คืนนั้นเหนื่อยมากๆ ก็เลยหยิบสำลีมาโปะ ใส่ยา เบตาดีน หาสก๊อตเทปมาพัน แล้วนอน ก่อนหน้าจะโดนแมวกัด เหมือนมีลางสังหรณ์ ก็กินยาพาราสองเม็ดก่อนนอน เพราะตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้

พอตอนเช้าวันศุกร์ตื่นขึ้นมา ปวดแขนแทบหลุด สำลีที่เอามาโปะห้ามเลือด ตอนนี้ กลายเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง เลือดยังไม่หยุดไหลอีกนะ ระหว่างที่ฉันนอน...มันออกมามากขนาดนั้นเลยเหรอ... นอนนิ่งๆ ตื่นๆ หลับๆ อยู่บนที่นอน ปวดแผลก็ปวด ก็คิดอยู่ จะทำไงดีกับชีวิตฟะ ...พอสิบโมง พี่ณีย์โทรมาหา นึกว่าฉันไปเคลียร์งานที่คณะเรียบร้อยแล้ว เพราะวางแผนไว้แบบนั้น ปรากฏว่า อ่าว แกยังอยู่บนเตียงอยู่เร้อ..ห๊า โดนแมวกัด...พอเล่าให้พี่ณีย์ฟัง เลยต้องโดนบังคับให้ไปหาหมอ...

เราไปกันที่รพ.สวนดอก ไม่คิดเลยว่า หมอจะสั่งให้เปิดแผล คว้านแผลให้สะอาดแล้วเอาผ้ากอซไปยัดไว้...โอ้วววโน้ววว...มันเป็นเยอะขนาดนั้นเชียวเร้อคุณหมอ... พี่ณีย์ก็ใจแข็งมาก ยืนอยู่ข้างเตียงตลอด คอยจับมือให้กำลังใจ เจ็บมากตอนที่หมอฉีดยาชา (แต่ถ้าไม่ฉีด คงเจ็บกว่าตอนหมอคว้านแผลละนะ) ตอนที่หมอผ่าตัดเล็กคว้านนิ้วให้ เธอสามารถจริงๆ ในช่วงเวลานั้น ก็หลับตานะ ถ้าอ้ายรักมายืนแทนที่พี่ณีย์ ฉันคงรู้สึกดีกว่านี้แน่นอน... พอหมอคว้านนิ้วเสร็จ ก็โดนฉีดยาไปสองเข็มๆ หนึ่งคือบาดทะยัก ทำให้ปวดแขนน่าดู อีกเข็มคือ พิษสุนัขบ้า... โดนรอบนี้ ยมไปเลย....

หลังจากออกรพ. ปวดแผลมากๆ เพราะยาชาเริ่มจะหมดฤทธิ์ ฉันต้องใส่สายคล้องแขน ... พิการชั่วคราว เมื่อวาน แต่ก็ยังแข็งใจขับรถเข้าเมืองมาหาหมอได้ สตาร์ทรถ ใช้มือซ้าย ตอนขับรถก็ใช้อุ้งมือแทนนิ้วทั้ง 5 ...

ตั้งแต่สีทองกัด พอเห็นสีทอง..ก็ไล่มัน ไปๆๆ ช้านเกลียดแก... เลี้ยงข้าวทุกวันยังมาทำกันแบบนี้ ... สีทองก็เหมือนจะรู้ตัวนะจ๊ะ มันก็หงิมๆ แต่ฉันโกรธมัน งอนนนน...

วันนี้ไปตลาด พ่อค้าปลาทูเจ้าประจำเห็นนิ้วฉันพันผ้าพันแผล เขาก็ถามว่า นิ้วไปโดนหยังมา เลยเล่าให้พี่ปลาทูฟัง ... คุณยายแม่ค้าแคบหมูที่อยู่แผงใกล้ๆ ก็มาฟังฉันเล่าเรื่องแมวกัดอย่างสนใจ ทุกคนดูเป็นห่วง สงสารกัน (จะสงสารหรือสมเพชกันนะ ทำไมมันโง่งี้วะ) .. ..ส่วนผู้ชายคนที่ฉันรักคงสมน้ำหน้า เคยเตือนแล้ว ไม่ยอมฟัง ใช่ม้ายๆๆ

กลับมาบ้าน เห็นสีทองนอนหลับอยู่กับลูกๆ ตอนนี้ ก้อเริ่มสงสารมันนะ เริ่มคิดได้ว่า มันก็สัตว์เดรัจฉานธรรมดาๆ นะ มันคงไม่รู้ตัวหรอก และไม่ได้ตั้งใจที่จะกัดเราด้วย...ก็ฉันเข้าไปอุ้มมันๆ ก็กำลังเครียด กำลังจะสู้กับศัตรูซึ่งก็คือ เสือน้อย ที่อยู่ตรงหน้า มันคงคิดว่าเสือน้อยพุ่งเข้ามากัดมัน..มันถึงได้กัดฉันอย่างไม่รู้ตัวแบบนี้

สรุปแล้ว อโหสิให้มันก็แล้วกัน...ถือว่าเป็นความประมาทของเราเองนะ คราวนี้จะได้จำเป็นบทเรียนว่า อย่าไปยุ่งกับมันเวลามันจะทะเลาะกันน่ะ หรือไม่เช่นนั้นก็หาน้ำสาดมันซะ...

เด๋วพี่อ๋อยจะมาทำแผลให้แล้ว โอ้ววว ม่ายยย....นะ ไม่อยากทำเล้ยยยยย

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เวลาเจอความพลัดพราก

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี เขียนในเฟซบุ๊คของท่านไว้ว่า

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

แล้วจะทุกข์น้อยลง


"ให้เราคอยดูใจตัวเองไปเรื่อย ๆ นะ แล้วจะทุกข์น้อยลงเอง

ถ้าเราคอยดูแต่คนอื่น เราจะทุกข์เยอะ เพราะพอดูคนอื่นแล้ว เราจะคาดหวัง ว่าเขาน่าจะอย่างนั้น เขาน่าจะอย่างนี้

แล้วพอเขาไม่เป็นอย่างที่เราหวังนะ เราจะทุกข์เยอะ

แต่ถ้าเราดูใจเรา เราจะเห็นเลย ใจเราเปลี่ยนทั้งวัน เรายังบังคับใจเราไม่ได้เลย

แต่เรากลับยกโทษให้ตัวเราเองได้นะ ใจเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โอ๊ มันธรรมดา

แต่ถ้าคนอื่น ไม่ได้นะ... เพราะฉะนั้น เราต้องดูของเรานะ

จริง ๆ แต่ละคนเขาก็ถูกกิเลสหลอกเหมือนกัน

เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้หรอก แต่ว่าเขาทนกิเลสไม่ไหว

เราแนะนำได้ บอกกล่าวได้นะ แต่เขาก็ต้องเป็นอย่างที่เขาเป็นนั่นแหละ

เขาไม่เป็นอย่างที่เราต้องการหรอก คนแต่ละคนเป็นอย่างที่เขาเป็น

เขาทำของเขาอย่างไร เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น"-- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช --



ขอนำมาเผยแพร่จาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thenut&month=02-2008&date=01&group=5&gblog=43

จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า


จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่าเขาเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของเรา
เขาเป็นเพื่อนเวียนว่ายอยู่ในวัฎฎสงสาร ด้วยกันกะเรา
เขาก็ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสเหมือนเรา ย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง
เขาก็มีราคะ โทสะ โมหะ ไม่น้อยไปกว่าเรา
เขาย่อมพลั้งเผลอบางคราว เหมือนเรา
เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เหมือนเรา
ไม่รู้จักนิพพาน เหมือนเรา
เขาโง่ในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยโง่
เขาก็ตามใจตัวเองในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยกระทำ
เขาก็อยากดี เหมือนเรา ที่อยาก ดี-เด่น-ดัง
เขาก็มักจะกอบโกยและเอาเปรียบเมื่อมีโอกาส เหมือนเรา
เขามีสิทธิที่จะบ้าดี เมาดี หลงดี จมดี เหมือนเรา
เขาก็เป็นคนธรรมดา ที่ยึดมั่นถือมั่นอะไรต่างๆ เหมือนเรา
เขาไม่มีหน้าที่ที่จะเป็นทุกข์ หรือตายแทนเรา
เขาก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ ร่วมศาสนา กะเรา
เขาก็ทำอะไรด้วยความคิดชั่วแล่นและผลุนผลัน เหมือนเรา
เขามีหน้าที่รับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา มิใช่ของเรา
เขามีสิทธิ ที่จะมีรสนิยม ตามพอใจของเขา
เขามีสิทธิ ที่จะเลือก(แม้ศาสนา) ตามพอใจของเขา
เขามีสิทธิ ที่จะใช้สมบัติสาธารณะ เท่ากันกับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นโรคประสาท หรือเป็นบ้า เท่ากับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะขอความช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจ จากเรา
เขามีสิทธิ ที่จะได้รับอภัย จากเรา ตามควรแก่กรณี
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นสังคมนิยม หรือเสรีนิยม ตามใจเขา
เขามีสิทธิ ที่จะเห็นแก่ตัว ก่อนเห็นแก่ผู้อื่น
เขามีสิทธิ แห่งมนุษยชน เท่ากันกับเรา สำหรับจะอยู่ในโลก
ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น
พุทธทาสภิกขุ (โมกขพลาราม, ไชยา- 22 พ.ค.2531)
จากเฟซบุ๊ค
รูปภาพของว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi) - พุทธทาสภิกขุ (Buddhadasa)

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

คัดลอกข้อความดีๆ ในเว๊บบล็อกของนิ้วกลมอีกแล้ว

เคยทำอะไรเพื่อคนรอบข้าง (ในเวลาที่เราอยากทำ แต่เขาไม่ต้องการ)
เลยรู้สึกว่าไม่มีค่า ลองทำอะไรเพื่อคนรอบข้าง (ในเวลาที่เขาต้องการ )
แค่เขายิ้ม ดีใจ หรือ ขอบคุณ ก็รู้สึก มีค่า มากมาย (หัวใจพองโต)
แต่...ก็รู้สึกเหนื่อยอีกละ ที่จะทำอะไรๆ เพื่อใครๆ มากมายเกินไป
จน วันหนึ่ง..... ได้พบว่า ความพอดี ...ทั้งเราอยากทำ และเขาต้องการ นั่นล่ะ...
แต่.. ในที่สุด ก็ได้พบอีกว่า เรามีค่าเสมอ เมื่อเราได้ทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ (แม้ว่าจะมีใครรู้หรือไม่ก็ตาม)

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

โดนัท




















เช้าวันอาทิตย์ พี่สาวชวนทำขนมโดนัทสูตรใหม่แบบไม่ใช้แม่พิมพ์โดนัท ผลออกมาตามรูปที่เห็น











วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

ความสุข


ข้อความดีๆ จากเฟซบุ๊คของ ว.วชิรเมธี ขออนุญาตหยิบมาใส่บล็อกของตัวเองนะคะ

ความสุข
ความเอ๋ย ความสุข ใครๆ ทุก คน, ชอบเจ้า เผ้าวิ่งหา “แกก็สุข, ฉันก็สุข, ทุกเวลา” แต่ดูหน้า ตาแห้ง ยังแคลงใจ ถ้าเราเผา ตัวตัณหา ก็น่าจะสุข ถ้ามันเผา เราก็ “สุก” หรือเกรียมได้ เขาว่าสุข สุขเน้อ ! อย่าเห่อไป มันสุขเย็น หรือสุกไหม้ ให้แน่ เอย ฯ

ข้อเสียของฉัน ชอบเปลี่ยนความสุข ให้กลายเป็นความทุกข์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว..เพียงชั่วข้ามคืน ที่ความสุขเพิ่งจะมาถึงยังไม่ทันไร เจ้าความขี้น้อยใจ คิดเล็กคิดน้อย คิดหยุมคิดหยิม.. จริงๆ น่ะ เขาเรียกว่าคิดมาก มากกว่า มาทำลายเจ้าความสุขที่ว่านี้ทุกที..แต่ถ้าหากใช้ยาแก้ คือ ความรัก ความเชื่อใจ ความมั่นใจ และความไว้ใจ ในตัวของผู้ชายคนนั้น ก็อาจจะช่วยให้ความสุขนั้นอยู่คงทนได้นานขึ้นนะ
เป็นกำลังใจให้ตัวเองหนักแน่นมั่นคง...เพื่อรักษาความรักครั้งนี้ ที่คิดว่าเป็นครั้งสุดท้าย ให้อยู่ยืนนาน...เถิดนะ

ปรับตัวเก่ง


คนไทยนี่ก็แปลก วันก่อนเพิ่งมีข่าวยิงกันหยกๆ คนตายเป็นเบือ

มาวันนี้แฮปปี้สนุกสนานเล่นสาดน้ำกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนไทยนี่ปรับตัวเก่งจริงๆ

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

ใครว่าชีวิตไม่มีค่า



เป็นคำถามที่คาใจมานาน ตั้งแต่เสียพ่อกับแม่ไป...มาวันนี้ ได้อ่านกระทู้หนึ่งที่มีคนเขียนลงไปในเว๊บบอร์ของนิ้วกลม ( may152532 ) จึงยกมาเตือนใจตัวเอง ดังนี้

"ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีคุณค่า มีความสวยงาม ในตัวของมันเอง มดมันก็มีคุณค่าได้ มันก็สวยงามได้ใบไม้ ธรรมชาติ สัตว์นานาชนิต มันก็มีคุณค่า ความสวยงามในตัวมันได้ คนทุกคนก็มีคุณค่า มีความสวยงามในตัวของเขาขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ว่าเราจะมองมันในด้านใหน มดมันอยู่อย่างนั้นของมันไป ทุกวี่ทุกวัน เดินไป เดินมา ชูหนวด ขุดรูสร้างบ้าน แบกน้ำตาลไปเก็บไว้ บางวันเดินเจอเพื่อนก็อาจจะคุยกันบ้าง "เฮ๊ย ไปใหนนั่น" "ไปแบกน้ำตาลหน่ะ" "อ้าว เช่นกัน" "โอเคนะ ไว้เจอกัน บาย" "บาย"(อันนี้ผมเดาเอานะ เพราะผมก็ไม่เข้าใจภาษามดเช่นกัน)แล้วอยู่มาวันนึง ก็มีคนมาจับตาดู (อาจจะไม่ได้ใช้นิ้วจับ)ชีวิตของมด มาหาข้อดีของมด มาคิดว่ามดน่ารัก แล้วมดก็มีคุณค่าในสายตาของคนๆ นั้น ใบไม้ ใบหญ้า ก้อนกรวด หิน ดิน ทราย ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็มีคุณค่าได้ ถ้ามีใครมามองเห็นมัน เช่นกันครับ ตัวนายก็มีคุณค่า ตัวเราก็มีคุณค่า ทุกๆ คนก็มีคุณค่า โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก แค่เรามองเห็นค่าของตัวเราเองเท่านั้นก้พอครับ ตราบใดที่เรายังคงมีลมหายใจ ยังสามารถใช้กล้ามเนื้อทั้งหลายสิบมัดบนใบหน้า ร่วมแรงร่วมใจกัน'ฉีก'ยิ้ม ให้กับคนอื่นได้ ก็ปาฏิหาริย์แล้ว ผมไม่เชื่อว่าตั้งแต่ลมหายใจแรก คุณไม่ได้ยิ้มเลยสักครั้ง ผมไม่เชื่อว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกคุณไม่ได้สร้างรอยยิ้มให้กับใครเลยสักรอย ผมไม่เชื่อว่าคุณไม่มีสิ่งใดเลยที่คุณสามารถทำได้ดีผมไม่เชื่อว่าคุณไม่เคยรักใคร แล้วก็ไม่มีใครเคยรักคุณ ก่อนที่จะรักใคร เราต้องรักตัวเองก่อน ก่อนที่จะให้ใครมาเห็นค่าของเรา เราต้องเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะมองเห็นค่าของตัวเราเองไม่ได้ ถ้าเราไม่มองหามัน ไม่เฝ้าดูตัวเราเอง ไม่เห็นข้อดีของตัวเอง และไม่คิดว่าตัวเองน่ารัก แต่ผมเชื่อครับ เชื่ออย่างบริสุทธิใจเลยว่า คุณหามันเจอแน่นอนครับ คุณค่าของตัวคุณเอง เมื่อถึงวันนั้น โลกใบนี้จะสวยงามขึ้นอีกเลยอะเลย แล้วคุณก็จะไม่สนใจอีกต่อไปว่าใครจะเห็นค่าของคุณหรือไม่ เพราะว่าคุณได้เห็นคุณค่าของตัวคุณเองแล้ว"

ความรักทำให้คนตาบอด


วันนี้ ทำให้พบอีกแง่มุมหนึ่งของความรัก
ความรัก อาจบดบังสายตา ไม่ให้มองเห็นความเป็นจริง
ความรัก ทำให้เราเชื่อมั่นในคนๆ หนึ่งอย่างสุดโต่ง... แต่เคยคิดบ้างไหมว่า เขาอาจไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ก็ได้
สิ่งที่ยังไม่รู้ สิ่งที่ยังมองไม่เห็น อาจยังมีอีกมาก...
แล้วจะทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่ดีล่ะ
เศร้าจัง ทำไมชอบนิสัยเสียแบบนี้นะ มีความสุขอยู่ดีๆ ก็ชอบเป็นคนที่ทำลายความสุขนั้นเสียเอง...

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

ฟ้าหลังฝน


บอกแล้วว่าพระเอกของฉันไม่เคยทำให้ผิดหวัง ถึงแม้จะยุ่งขนาดไหน..ก็ยังไม่ลืมส่งความรู้สึกดีๆ มาให้กับน้องสาวคนนี้

ถึงไม่บอกออกมาเป็นคำพูด ก็พอรู้อยู่แก่ใจ When you say nothing at all

ทุกครั้ง เวลามีปัญหา หรือเศร้า ว้าวุ่นใจไปตามประสาเด็กขี้เอาแต่ใจของฉัน

หลายบทเรียนที่ได้รับ เรื่องราวของความรักครั้งนี้ สอนให้ฉันอดทน และมีเหตุมีผลมากขึ้น

นอกจากนี้ ความรักสอนให้ฉันเยือกเย็น จากที่เคยใจร้อน วู่วาม เอาแต่ใจ เปลี่ยนมาเป็นคนที่เงียบมากขึ้น รู้จักรอ.. รู้จักเชื่อ ว่าเขาจะไม่ไปไหน...

เรียนรู้ที่จะเชื่อในความรัก ความรู้สึกของตัวเอง และจริงใจกับตัวเอง...

อนาคตจะเป็นอย่างไร อย่าไปคิดถึงเลย

อยู่ไปในแต่ละวัน สูดลมหายใจเข้าออก โดยมีเขาเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจของฉันก็พอแล้ว....

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

Mistake



วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

ความผิดไม่ได้อยู่ที่ดาว


บางดวงสว่างสุกใส บางดวงห่างไกลริบหรี่ ความผิดไม่ได้อยู่ที่ดาว ตำแหน่งของการมองกำหนดทุกสิ่ง (จาก webboard ของนิ้วกลม...)

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

พลังชีวิตหดหาย


เวลาไม่ได้ยินเสียงของใครคนนั้น เหมือนพลังชีวิตมันหดหาย

ห่อเหี่ยว โหวง...เหวง....แหม พูดถึงคำนี้แล้ว หงุดหงิด..ไม่อยากมีคำๆ นี้มาประดับบล็อกเล้ย..ให้ตายเถอะโรบิ้น..เสียรมณ์

วันนี้หมดพลั รอโทรศัพท์มาเกือบจะเจ็ดวันอยู่รอมร่อ จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีสายเข้า...เฮ้อ...

ทั้งๆที่คิดถึงตลอดเวลา...


วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

รูปสวยๆ ของครอบครัวสีทอง

ดูท่านอนของคุณพี่เขาเสียก่อน...อิอิ
รูปนี้ เจ้าตัวสีดำเหม่อมองอะไรน๊า...

รูปนี้ดวงตาของน้องมีความหมายนะจ๊ะ


รูปนี้ แม่ยืมหัวลูกเป็นหมอนหนุนหน่อย

รูปนี้ แม่ลูกน่ารักที่สุดเลย....

ลูกๆ สีทอง ลืมตาออกมาดูโลกยุ่งๆ ใบนี้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2553 ยังไม่มีชื่อเลย...

วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันนี้ไม่สบาย








วันนี้ไม่สบาย เจ็บคอ เสียงแหบ...

ถ้ามีบางคนโทรมา เสียงอาจใสขึ้น

ฝากรูปสบายๆ ในวันที่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่