วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553

แล้วจะทุกข์น้อยลง


"ให้เราคอยดูใจตัวเองไปเรื่อย ๆ นะ แล้วจะทุกข์น้อยลงเอง

ถ้าเราคอยดูแต่คนอื่น เราจะทุกข์เยอะ เพราะพอดูคนอื่นแล้ว เราจะคาดหวัง ว่าเขาน่าจะอย่างนั้น เขาน่าจะอย่างนี้

แล้วพอเขาไม่เป็นอย่างที่เราหวังนะ เราจะทุกข์เยอะ

แต่ถ้าเราดูใจเรา เราจะเห็นเลย ใจเราเปลี่ยนทั้งวัน เรายังบังคับใจเราไม่ได้เลย

แต่เรากลับยกโทษให้ตัวเราเองได้นะ ใจเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โอ๊ มันธรรมดา

แต่ถ้าคนอื่น ไม่ได้นะ... เพราะฉะนั้น เราต้องดูของเรานะ

จริง ๆ แต่ละคนเขาก็ถูกกิเลสหลอกเหมือนกัน

เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้หรอก แต่ว่าเขาทนกิเลสไม่ไหว

เราแนะนำได้ บอกกล่าวได้นะ แต่เขาก็ต้องเป็นอย่างที่เขาเป็นนั่นแหละ

เขาไม่เป็นอย่างที่เราต้องการหรอก คนแต่ละคนเป็นอย่างที่เขาเป็น

เขาทำของเขาอย่างไร เขาก็เป็นของเขาอย่างนั้น"-- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช --



ขอนำมาเผยแพร่จาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=thenut&month=02-2008&date=01&group=5&gblog=43

จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า


จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่าเขาเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของเรา
เขาเป็นเพื่อนเวียนว่ายอยู่ในวัฎฎสงสาร ด้วยกันกะเรา
เขาก็ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลสเหมือนเรา ย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง
เขาก็มีราคะ โทสะ โมหะ ไม่น้อยไปกว่าเรา
เขาย่อมพลั้งเผลอบางคราว เหมือนเรา
เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เหมือนเรา
ไม่รู้จักนิพพาน เหมือนเรา
เขาโง่ในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยโง่
เขาก็ตามใจตัวเองในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยกระทำ
เขาก็อยากดี เหมือนเรา ที่อยาก ดี-เด่น-ดัง
เขาก็มักจะกอบโกยและเอาเปรียบเมื่อมีโอกาส เหมือนเรา
เขามีสิทธิที่จะบ้าดี เมาดี หลงดี จมดี เหมือนเรา
เขาก็เป็นคนธรรมดา ที่ยึดมั่นถือมั่นอะไรต่างๆ เหมือนเรา
เขาไม่มีหน้าที่ที่จะเป็นทุกข์ หรือตายแทนเรา
เขาก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ ร่วมศาสนา กะเรา
เขาก็ทำอะไรด้วยความคิดชั่วแล่นและผลุนผลัน เหมือนเรา
เขามีหน้าที่รับผิดชอบต่อครอบครัวของเขา มิใช่ของเรา
เขามีสิทธิ ที่จะมีรสนิยม ตามพอใจของเขา
เขามีสิทธิ ที่จะเลือก(แม้ศาสนา) ตามพอใจของเขา
เขามีสิทธิ ที่จะใช้สมบัติสาธารณะ เท่ากันกับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นโรคประสาท หรือเป็นบ้า เท่ากับเรา
เขามีสิทธิ ที่จะขอความช่วยเหลือ เห็นอกเห็นใจ จากเรา
เขามีสิทธิ ที่จะได้รับอภัย จากเรา ตามควรแก่กรณี
เขามีสิทธิ ที่จะเป็นสังคมนิยม หรือเสรีนิยม ตามใจเขา
เขามีสิทธิ ที่จะเห็นแก่ตัว ก่อนเห็นแก่ผู้อื่น
เขามีสิทธิ แห่งมนุษยชน เท่ากันกับเรา สำหรับจะอยู่ในโลก
ถ้าเราคิดกันอย่างนี้ จะไม่มีการขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น
พุทธทาสภิกขุ (โมกขพลาราม, ไชยา- 22 พ.ค.2531)
จากเฟซบุ๊ค
รูปภาพของว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi) - พุทธทาสภิกขุ (Buddhadasa)

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

คัดลอกข้อความดีๆ ในเว๊บบล็อกของนิ้วกลมอีกแล้ว

เคยทำอะไรเพื่อคนรอบข้าง (ในเวลาที่เราอยากทำ แต่เขาไม่ต้องการ)
เลยรู้สึกว่าไม่มีค่า ลองทำอะไรเพื่อคนรอบข้าง (ในเวลาที่เขาต้องการ )
แค่เขายิ้ม ดีใจ หรือ ขอบคุณ ก็รู้สึก มีค่า มากมาย (หัวใจพองโต)
แต่...ก็รู้สึกเหนื่อยอีกละ ที่จะทำอะไรๆ เพื่อใครๆ มากมายเกินไป
จน วันหนึ่ง..... ได้พบว่า ความพอดี ...ทั้งเราอยากทำ และเขาต้องการ นั่นล่ะ...
แต่.. ในที่สุด ก็ได้พบอีกว่า เรามีค่าเสมอ เมื่อเราได้ทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ (แม้ว่าจะมีใครรู้หรือไม่ก็ตาม)

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

โดนัท




















เช้าวันอาทิตย์ พี่สาวชวนทำขนมโดนัทสูตรใหม่แบบไม่ใช้แม่พิมพ์โดนัท ผลออกมาตามรูปที่เห็น











วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

ความสุข


ข้อความดีๆ จากเฟซบุ๊คของ ว.วชิรเมธี ขออนุญาตหยิบมาใส่บล็อกของตัวเองนะคะ

ความสุข
ความเอ๋ย ความสุข ใครๆ ทุก คน, ชอบเจ้า เผ้าวิ่งหา “แกก็สุข, ฉันก็สุข, ทุกเวลา” แต่ดูหน้า ตาแห้ง ยังแคลงใจ ถ้าเราเผา ตัวตัณหา ก็น่าจะสุข ถ้ามันเผา เราก็ “สุก” หรือเกรียมได้ เขาว่าสุข สุขเน้อ ! อย่าเห่อไป มันสุขเย็น หรือสุกไหม้ ให้แน่ เอย ฯ

ข้อเสียของฉัน ชอบเปลี่ยนความสุข ให้กลายเป็นความทุกข์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว..เพียงชั่วข้ามคืน ที่ความสุขเพิ่งจะมาถึงยังไม่ทันไร เจ้าความขี้น้อยใจ คิดเล็กคิดน้อย คิดหยุมคิดหยิม.. จริงๆ น่ะ เขาเรียกว่าคิดมาก มากกว่า มาทำลายเจ้าความสุขที่ว่านี้ทุกที..แต่ถ้าหากใช้ยาแก้ คือ ความรัก ความเชื่อใจ ความมั่นใจ และความไว้ใจ ในตัวของผู้ชายคนนั้น ก็อาจจะช่วยให้ความสุขนั้นอยู่คงทนได้นานขึ้นนะ
เป็นกำลังใจให้ตัวเองหนักแน่นมั่นคง...เพื่อรักษาความรักครั้งนี้ ที่คิดว่าเป็นครั้งสุดท้าย ให้อยู่ยืนนาน...เถิดนะ

ปรับตัวเก่ง


คนไทยนี่ก็แปลก วันก่อนเพิ่งมีข่าวยิงกันหยกๆ คนตายเป็นเบือ

มาวันนี้แฮปปี้สนุกสนานเล่นสาดน้ำกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนไทยนี่ปรับตัวเก่งจริงๆ

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

ใครว่าชีวิตไม่มีค่า



เป็นคำถามที่คาใจมานาน ตั้งแต่เสียพ่อกับแม่ไป...มาวันนี้ ได้อ่านกระทู้หนึ่งที่มีคนเขียนลงไปในเว๊บบอร์ของนิ้วกลม ( may152532 ) จึงยกมาเตือนใจตัวเอง ดังนี้

"ผมเชื่อว่าทุกอย่างมีคุณค่า มีความสวยงาม ในตัวของมันเอง มดมันก็มีคุณค่าได้ มันก็สวยงามได้ใบไม้ ธรรมชาติ สัตว์นานาชนิต มันก็มีคุณค่า ความสวยงามในตัวมันได้ คนทุกคนก็มีคุณค่า มีความสวยงามในตัวของเขาขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ว่าเราจะมองมันในด้านใหน มดมันอยู่อย่างนั้นของมันไป ทุกวี่ทุกวัน เดินไป เดินมา ชูหนวด ขุดรูสร้างบ้าน แบกน้ำตาลไปเก็บไว้ บางวันเดินเจอเพื่อนก็อาจจะคุยกันบ้าง "เฮ๊ย ไปใหนนั่น" "ไปแบกน้ำตาลหน่ะ" "อ้าว เช่นกัน" "โอเคนะ ไว้เจอกัน บาย" "บาย"(อันนี้ผมเดาเอานะ เพราะผมก็ไม่เข้าใจภาษามดเช่นกัน)แล้วอยู่มาวันนึง ก็มีคนมาจับตาดู (อาจจะไม่ได้ใช้นิ้วจับ)ชีวิตของมด มาหาข้อดีของมด มาคิดว่ามดน่ารัก แล้วมดก็มีคุณค่าในสายตาของคนๆ นั้น ใบไม้ ใบหญ้า ก้อนกรวด หิน ดิน ทราย ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็มีคุณค่าได้ ถ้ามีใครมามองเห็นมัน เช่นกันครับ ตัวนายก็มีคุณค่า ตัวเราก็มีคุณค่า ทุกๆ คนก็มีคุณค่า โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก แค่เรามองเห็นค่าของตัวเราเองเท่านั้นก้พอครับ ตราบใดที่เรายังคงมีลมหายใจ ยังสามารถใช้กล้ามเนื้อทั้งหลายสิบมัดบนใบหน้า ร่วมแรงร่วมใจกัน'ฉีก'ยิ้ม ให้กับคนอื่นได้ ก็ปาฏิหาริย์แล้ว ผมไม่เชื่อว่าตั้งแต่ลมหายใจแรก คุณไม่ได้ยิ้มเลยสักครั้ง ผมไม่เชื่อว่าตั้งแต่ลมหายใจแรกคุณไม่ได้สร้างรอยยิ้มให้กับใครเลยสักรอย ผมไม่เชื่อว่าคุณไม่มีสิ่งใดเลยที่คุณสามารถทำได้ดีผมไม่เชื่อว่าคุณไม่เคยรักใคร แล้วก็ไม่มีใครเคยรักคุณ ก่อนที่จะรักใคร เราต้องรักตัวเองก่อน ก่อนที่จะให้ใครมาเห็นค่าของเรา เราต้องเห็นค่าของตัวเองก่อน แล้วเราจะมองเห็นค่าของตัวเราเองไม่ได้ ถ้าเราไม่มองหามัน ไม่เฝ้าดูตัวเราเอง ไม่เห็นข้อดีของตัวเอง และไม่คิดว่าตัวเองน่ารัก แต่ผมเชื่อครับ เชื่ออย่างบริสุทธิใจเลยว่า คุณหามันเจอแน่นอนครับ คุณค่าของตัวคุณเอง เมื่อถึงวันนั้น โลกใบนี้จะสวยงามขึ้นอีกเลยอะเลย แล้วคุณก็จะไม่สนใจอีกต่อไปว่าใครจะเห็นค่าของคุณหรือไม่ เพราะว่าคุณได้เห็นคุณค่าของตัวคุณเองแล้ว"

ความรักทำให้คนตาบอด


วันนี้ ทำให้พบอีกแง่มุมหนึ่งของความรัก
ความรัก อาจบดบังสายตา ไม่ให้มองเห็นความเป็นจริง
ความรัก ทำให้เราเชื่อมั่นในคนๆ หนึ่งอย่างสุดโต่ง... แต่เคยคิดบ้างไหมว่า เขาอาจไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ก็ได้
สิ่งที่ยังไม่รู้ สิ่งที่ยังมองไม่เห็น อาจยังมีอีกมาก...
แล้วจะทำอย่างไรกับชีวิตที่เหลืออยู่ดีล่ะ
เศร้าจัง ทำไมชอบนิสัยเสียแบบนี้นะ มีความสุขอยู่ดีๆ ก็ชอบเป็นคนที่ทำลายความสุขนั้นเสียเอง...

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

ฟ้าหลังฝน


บอกแล้วว่าพระเอกของฉันไม่เคยทำให้ผิดหวัง ถึงแม้จะยุ่งขนาดไหน..ก็ยังไม่ลืมส่งความรู้สึกดีๆ มาให้กับน้องสาวคนนี้

ถึงไม่บอกออกมาเป็นคำพูด ก็พอรู้อยู่แก่ใจ When you say nothing at all

ทุกครั้ง เวลามีปัญหา หรือเศร้า ว้าวุ่นใจไปตามประสาเด็กขี้เอาแต่ใจของฉัน

หลายบทเรียนที่ได้รับ เรื่องราวของความรักครั้งนี้ สอนให้ฉันอดทน และมีเหตุมีผลมากขึ้น

นอกจากนี้ ความรักสอนให้ฉันเยือกเย็น จากที่เคยใจร้อน วู่วาม เอาแต่ใจ เปลี่ยนมาเป็นคนที่เงียบมากขึ้น รู้จักรอ.. รู้จักเชื่อ ว่าเขาจะไม่ไปไหน...

เรียนรู้ที่จะเชื่อในความรัก ความรู้สึกของตัวเอง และจริงใจกับตัวเอง...

อนาคตจะเป็นอย่างไร อย่าไปคิดถึงเลย

อยู่ไปในแต่ละวัน สูดลมหายใจเข้าออก โดยมีเขาเป็นส่วนหนึ่งของลมหายใจของฉันก็พอแล้ว....

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

Mistake



วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2553

ความผิดไม่ได้อยู่ที่ดาว


บางดวงสว่างสุกใส บางดวงห่างไกลริบหรี่ ความผิดไม่ได้อยู่ที่ดาว ตำแหน่งของการมองกำหนดทุกสิ่ง (จาก webboard ของนิ้วกลม...)

วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

พลังชีวิตหดหาย


เวลาไม่ได้ยินเสียงของใครคนนั้น เหมือนพลังชีวิตมันหดหาย

ห่อเหี่ยว โหวง...เหวง....แหม พูดถึงคำนี้แล้ว หงุดหงิด..ไม่อยากมีคำๆ นี้มาประดับบล็อกเล้ย..ให้ตายเถอะโรบิ้น..เสียรมณ์

วันนี้หมดพลั รอโทรศัพท์มาเกือบจะเจ็ดวันอยู่รอมร่อ จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีสายเข้า...เฮ้อ...

ทั้งๆที่คิดถึงตลอดเวลา...