วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำดีที่สุดแล้ว


ถามตัวเองว่า วันนี้ได้ทำดีที่สุดแล้วหรือยัง

ถ้าทำดีแล้ว เราคงไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้

ถึงแม้เราจะไม่บรรลุทุกสิ่งที่ต้องการ แต่เรา ก็ได้ทำดีที่สุดแล้ว

ระวัง การคิดปรุงของจิต

ได้เรื่องดีๆ จาก หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ : Buddhadasa Indapanno Archives


ระวัง การคิดปรุงของจิต : มันอาจจะเอาเรื่องที่ไม่ควรคิด หรือยังไม่ต้องคิด มาคิดปรุงให้รู้สึกเป็นทุกข์หรือสุขได้ ซึ่งเป็นเรื่องหลอกโดยเท่ากัน ฯ

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คนเรานั้นต้องมีการฝึกตนเจอปัญหาอุปสรรคใดๆก็ต้องนำมาเป็นแบบฝึกหัดให้หมดไม่ย่อท้อ


มีบุญได้ไปเห็นข้อความดีๆ จาก http://twitter.com/buddhadasa/statuses/9607944720 ท่านกล่าวไว้ว่า

"คนเรานั้นต้องมีการฝึกตนเจอปัญหาอุปสรรคใดๆก็ต้องนำมาเป็นแบบฝึกหัดให้หมดไม่ย่อท้อ"

สิ่งที่ประสบพบเจอ ถือได้ว่าเป็นบทเรียนบทหนึ่ง ที่มีค่ายิ่ง

I can feel love .. I can feel you....








วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีแก้ฟุ้งซ่าน

ไปอ่านเจอบทความที่ท่าน
วสิษฐ เดชกุญชร เขียนแก้วิธีแก้ความฟุ้งซ่าน
(นสพ.มติชน อังคาร 11 ก.พ. 46 หน้า 6) จาก http://www.the-thainews.com/misc/journal/jn120246_1.htm ไว้ดังนี้
(ตัดมาบางส่วน)

ท่านบอกว่า "ผมแนะนำวิธีแก้ฟุ้งซ่านด้วยสมาธิให้ความฟุ้งซ่านเป็นลักษณะธรรมดาของจิต เกิดเพราะเราปล่อยให้มันฟุ้งซ่านจนกลายเป็นนิสัย ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า การแก้ความฟุ้งซ่านทำได้ด้วยการหยุดฟุ้งซ่าน ซึ่งทำได้ยาก แต่ทำได้อย่างแน่นอนถ้าตั้งใจ และทำได้ด้วยสมถสมาธิหรือสมถกรรมฐานนี่แหละ วิธีทำก็คือนั่งให้สบาย จะนั่งบนพื้นในท่าพับเพียบหรือขัดสมาธิ หรือนั่งบนเก้าอี้ก็ได้ ปล่อยทุกส่วนของร่างกายให้ผ่อนคลายตามธรรมชาติ อย่าเกร็งหรือฝืนหรือขืนไม่ว่าส่วนใดๆ ของร่างกาย แล้วหยุดคิดถึงเรื่องอื่นทั้งหมด คิดถึงแต่เฉพาะลมหายใจของตัวเองที่กำลังเข้าและออกอยู่เท่านั้น ลมหายใจเข้าก็นึกว่าเข้า ลมหายใจออกก็นึกว่าออก พอลงมือทำก็จะรู้ทันทีว่ามีปัญหา ปัญหาใหญ่สองอย่างนั้น อย่างหนึ่งคือเสียงที่มากระทบหู พอได้ยินมันก็ลืมลมหายใจเสียแล้ว และถ้าผู้ได้ยินตามเสียงนั้นไปด้วยความอยากรู้ว่าเป็นเสียงใคร พูดว่าอย่างไร ฯลฯ ก็กลับมาหาลมหายใจอีกได้ยาก หรือไม่ได้เลย วิธีแก้คือปล่อยเสียงนั้นไปตามเรื่องของมัน ส่วนตัวเราหยุดแล้วกลับมาหาลมหายใจใหม่ ให้รู้ว่ากำลังหายใจเข้ากำลังหายใจออกอย่างเดิม เกิดอีกก็แก้อีก เอาใหม่เรื่อยๆ ข้อสำคัญไม่ต้องหงุดหงิดหรือท้อแท้ ไม่รีบสรุปว่าตัวไม่มีบุญและคงทำสมาธิกับเขาไม่ได้ ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งคือความคิดของเราเอง ที่มันคอยจะฟุ้งซ่านขึ้นมา นั่งหายใจอยู่ไพล่ไปคิดถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ ปัญหานี้ก็แก้ได้ด้วยวิธีเดียวกัน คือเมื่อรู้แล้วว่าตัวเองคิด ก็อย่าปล่อยใจตามความคิดนั้นไป แต่ให้หยุดเสียแล้วกลับมาหาลมหายใจใหม่ ทำอย่างนี้ทุกคราวที่คิด อย่าหงุดหงิดหรือท้อแท้ หรือรีบสรุปว่าตัวเองคงทำสมาธิกับเขาไม่ได้ ขณะที่กำลังทำสมาธินี้ สิ่งที่ต้องมีอยู่ตลอดเวลาคือ สติ แปลว่าผู้ปฏิบัติต้องไม่เผลอ แต่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้ามีอาการเลื่อนๆ ลอยๆ แม้จะรู้สึกว่าสบายดีก็ใช้ไม่ได้ ปล่อยไปอาจจะเข้าไปสู่ภาวะที่สงบแต่ไม่รู้ตัว ซึ่งไม่ใช่สมาธิ หากกลายเป็นการสะกดจิตตัวเอง ถ้ามีอาการเช่นว่านี้ต้องแก้ไขด้วยการจัดท่านั่งของตัวเองให้ถูกต้อง นั่งให้ตัวตรงแล้วหายใจเข้าออกแรงๆ หลายๆ ครั้ง ลืมตาดูโลกสักครู่หนึ่งแล้วจึงหลับตาลงและเริ่มทำใหม่ สมาธิเป็นการบริหารจิต จึงต้องทำเสมอ และทำบ่อยๆ ทำจนเป็นนิสัย เช่นเดียวกับการบริหารร่างกาย เวลาอยู่ว่างๆ ต้องไม่คิดถึงเรื่องอื่นแต่กลับไปหาลมหายใจที่กำลังเข้าและออกอยู่ เช่นนี้ จิตจะรู้จักหยุด ไม่ฟุ้งซ่าน จิตจะได้พัก จิตยิ่งพักนานเท่าไรบ่อยเท่าไร จิตก็จะกลับแข็งแรงขึ้น จิตที่แข็งแรงนั้น เวลาทำกิจการงานใดก็ตาม จิตจะไปกำกับการทำกิจการงานนั้นโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องสั่ง และการทำกิจการงานจะเป็นไปอย่างเรียบร้อยรวดเร็ว ไม่บกพร่องล่าช้า ต่างกับที่เคยเป็นเมื่อเวลาไม่มีสมาธิ เพราะสมาธิเป็นฐานของการทำกิจการงานเช่นนี้ ท่านจึงเรียกสมาธิด้วยอีกชื่อหนึ่งว่า กรรมฐาน แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Basis of Action

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Mandarin Duck














เป็ดแมนดารินคู่เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความซื่อสัตย์ จงรักภักดี
นกเป็ดน้ำ หรือ เป็ดแมนดาริน
ภาษาจีนเรียก "อวงเอีย" ซึ่งตัวผู้คือ "อวง" ส่วนตัวเมียคือ "เอีย"
นกเป็ดน้ำจะใช้ชีวิตคู่กันตลอด
เปรียบเหมือนสามีภรรยาที่รักใคร่ปรองดองกัน
ดังนั้น จึงใช้นกเป็ดน้ำหรือเป็ดแมนดารินนี้
เป็นสัญลักษณ์ด้านชีวิตสมรสที่นำมาซึ่งความรักใคร่กลมเกลียวกัน
รวมถึงความราบรื่นในชีวิตด้วย จึงควรมีไว้เพื่อเสริมโชคเกี่ยวกับความรัก

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นินทาแมว(3)

สีทอง

ฉันเพิ่งรู้จักกับสีทองไม่นาน
สีทองเป็นแมวสะใภ้ น่าจะเป็นภรรยาของหนูดี
ท่าทางสีทองจะมีท้องเพราะอ้วนผิดปกติ
สีทองเป็นแมวอ้อนเก่ง ไม่กลัวคน
สีทองมีจุดเด่นตรงที่ เวลาสีทองร้องแล้ว ไม่เหมือนแมว
แต่เหมือนไก่ขันมากกว่า
แมวอะไร ร้องเหมือนไก่ เอ๊ก อี้ เอ๊ก เอ๊ก
ฉันตลกมาก ชอบฟังสีทองคุย ...
มีบางครั้ง ฉันทำใจแข็ง ไล่สีทองไป
เพราะไม่อยากให้สีทองและตัวฉันเองผูกพันซึ่งกันและกัน
ฉันไล่สีทอง ไปไป๊ๆๆ พอสีทองเดินหนี คงแอบเศร้าเล็กน้อย
แล้วฉันก็ใจอ่อน เดินเข้าไปโอ๋ๆๆ ขอโทษน๊ะ ... แล้วก็อุ้มสีทองไว้ เพราะสงสาร

สีทองคงสับสน คงแอบนึกในใจ "นี่ จะเอายังไงกะตรู" 555


เฮ้อ แบบนี้ สีทองจะไปไหนเสีย

นินทาแมว(2)

ถึงคิวเหยื่อรายต่อไปของฉัน

เสือน้อย
ฉันเรียกเสือน้อย ว่า น้อย สั้นๆ
น้อยเป็นแมวน่าสงสาร น้อยเกือบจะตายเพราะน้อยเคยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรัง
เล่นเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้อง น้อยต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลสัตว์หลายวัน
เวลาฉันไปเยี่ยมน้อยหลังเลิกงาน น้อยจะคุยกับฉัน เมี้ยวๆๆๆ เหมือนจะเล่าอะไรให้ฟังในยามที่ไม่เจอกัน
ฉันก็เจ้าๆๆ รับฟังน้อยเล่า ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ไม่รู้หรอก ภาษาแมว
แต่เรารู้ภาษาใจซึ่งกันและกัน
หลังจากน้อยหายป่วยหนักคราวนั้น น้อยรักฉันมากขึ้น เหมือนจะขอบคุณที่ช่วยชีวิตน้อยไว้
น้อยเป็นแมวขี้ตื่น เครียด บางครั้ง น้อยก็ขี้เล่น
น้อยชอบให้ฉันม้วนถุงเท้าสารพัดสีให้เป็นลูกบอล โยนให้น้อยตะครุบเล่น
น้อยเป็นแมวที่อยู่เป็นเพื่อนฉันเป็นส่วนใหญ่ในบ้าน
เวลาอ่านหนังสือ น้อยจะนอนหมอบอยู่ข้างๆ เงียบๆ
เวลาเกาพุงให้น้อย น้อยจะหลับยิ้มอย่างมีความสุข
ช่างไม่น่าเชื่อว่าน้อยจะรอดชีวิตจากการป่วยหนักคราวนั้นมาได้
แต่ช่างเหอะ ถึงตอนนี้ เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนี่นา
น้อยเป็นแมวเรียบร้อย แต่ก็เครียดบ่อย คงเพราะโดนหนูดีไล่กัดเอาบ่อยๆ
น่าแปลก ที่ก่อนหน้านี้ หนูดีกับน้อย อยู่ร่วมชายคาบ้านเดียวกันเป็นอย่างดี
เพราะเป็นพี่น้องกัน เกิดจากท้องแม่นวลเหมือนกัน
แต่เมื่อน้อยกลับจากโรงพยาบาลสัตว์หลังจากรักษาโรคไตหาย หนูดีก็เปลี่ยนไป
เจอน้อยทีไร ไล่กัดน้อยทุกที เหมือนจะอิจฉา ไม่อยากให้ฉันโอ๋น้อยมากเกินไป
เฮ้อ แมวสองตัว อยู่ในบ้านเดียวกันไม่ได้

เศร้าจัง พี่น้องกันแท้ๆ อย่าให้เกิดขึ้นกับคนเลยนะ

นินทาแมว(1)

วันนี้ได้โอกาสดีในการนินทาแมว
เมื่อก่อนฉันเคยคิดจะเขียนบล็อกนินทาแมวตัวเองมานานแล้ว
คิดมานานมาก จนตอนนี้ สมาชิกที่จะให้นินทา จากไปร่อยหรอลงจนเหลือแค่น้องแมวสองตัว
เอาเถอะนะ แล้วฉันจะเขียนหาพวกแก เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีๆ
จำได้ว่าเคยเขียนถึงหมี หมาเพื่อนยาก ผู้ที่ทิ้งความหลังไว้กับฉันมากมาย
มีทั้งทุกข์และสุข และตอนนี้ หมีก็จากไปเรียบร้อยแล้ว เช่นกัน
เจ้าตัวแรกที่จะมาเป็นเหยื่อของฉันในวันนี้ ขอเริ่มจาก คุณหนูดีก่อนก็แล้วกัน
หนูดี ได้ยินชื่อนี้ ใครๆ ก็คงคิดว่า หนูดีเป็นผู้หญิง แต่ผิดคาด จริงๆ แล้ว หนูดีเป็นผู้ชายครับผม
แต่ฉันพลาดเอง เพราะเมื่อครั้งที่หนูดีเกิดมาใหม่ๆ หนูดีละม้ายคล้ายเพศหญิงเป็นอย่างมาก
(ก็ตอนนั้น ยังดูเพศไม่ออกนี่นา) ซึ่งตรงกันข้ามกับเสือน้อย เสือน้อยดูท่าทางคล้ายเด็กผู้ชาย
เมื่อเกิดออกมา หน้าตาเหมือนลูกเสือ จนฉันเผลอตั้งชื่อให้ว่า เสือน้อย แต่กลับกลายเป็นว่า
เสือน้อยเป็นผู้หญิงซะงั้น
และเสือน้อย ก็จะเป็นเหยือรายถัดไปของฉัน อิอิ

มาว่ากันที่หนูดีก่อน
หนูดี ตอนนี้ อายุก็เกือบสามปีเข้าไปแล้ว จำได้ว่า หนูดีและพี่น้อง
เกิดจากท้องของแม่นวล เมื่อตอนต้นปี 2550 ตอนนี้หนูดีเป็นหนุ่มใหญ่
และท่าทางจะเป็นแฟมิลี่แมนเสียด้วยสิ เพราะหนูดี มีแมวคู่ใจ ที่ฉันตั้งชื่อให้ว่า สีทอง คอยตามอยู่ไม่ห่าง
และไม่นานนี้ สีทองอาจมีเจ้าตัวน้อยออกมาวิ่งเล่น ฉันภาวนา ขอให้สีทองไปคลอดที่อื่นเถอะนะสีทองนะ
หนูดีเป็นแมวหน้าขาว ตัวใหญ่ ตอนนี้หนักสี่โลเกือบครึ่ง
หนูดีเป็นแมวพูดเก่ง เรียบร้อย สงบเสงี่ยม แต่ก็มีความเป็นจ่าฝูงอยู่ในตัว
ฉันรู้ได้จากการแสดงความรักของหนูดี ที่ชอบงับ กัดเบาๆ (อันนี้รู้มาจากเฟสบุ๊คอีกทีจ้า)
ก่อนหนูดีจะเข้าบ้าน หนูดีจะส่งเสียงมาแต่ไกล คือเป็นประเภท เสียงมาก่อนตัว
บางครั้งหนูดีก็อ้อนเป็น ขลุกอยู่กับฉันในช่วงวันหยุดเวลาที่ฉันไม่ออกไปไหน
หนูดีนอนเก่ง นอนได้ทั้งวัน บางครั้งก็อิจฉาหนูดีเหมือนกัน อยากเป็นแมวกับเขามั่ง
หนูดีมักมีอุบัติเหตุให้ต้องพาไปหาหมอบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่เกิดมาจากเกิดบาดแผล
ตั้งแต่เล็ก หนูดีโดนสมชายและลักกี้รุม (ขอโทษที่กล่าวหา หากไม่ใช่พวกแกนะจ๊ะ)
หนูดีโดนกัด พุงเป็นรู วันนั้น หนูดีมานอนหมอบรอฉันที่โรงรถ
ราวกับรู้ว่า ฉันกำลังจะออกไปค้างบ้านเพื่อนรุ่นน้องในวันสงกรานต์
หนูดีต้องดักเจอฉันก่อน ไม่งั้นใครจะพาหนูดีไปหาหมอล่ะ
และแล้ว เย็นวันนั้น ฉันจึงต้องพาหนูดีไปหาหมอ เพื่อทำแผล
แล้วก็หอบหนูดีใส่กรง ไปนอนบ้านเพื่อนรุ่นน้องคนนั้นด้วยกัน
จากนั้น หนูดีก็ถูกผ่าอีกสองสามรอบ มีก้อนไขมันที่พุง ทำหมัน เป็นฝี ฯลฯ
ล่าสุด หนูดีแก้มบวมเป็นลูกกอล์ฟ เพราะเป็นฝีอีกแล้ว
หนูดีเรียบร้อย ไม่ซน ไม่ไฮเปอร์ ป้อนยาง่าย จนหมอเอ่ยปากชม
ฉันชอบเรียกหนูดีกว่า พระเอกคร๊าบ หรือ พี่คร๊าบ..พี่คับ พี่... หรือ ไอ้อ้วน..อ้วนคร๊าบบ
และหนูดีเป็นแมวตัวแรกที่ได้นั่งในรถใหม่ หนูดีนั่งเรียบร้อยดีในตะกร้า ไม่ปีนป่ายออกมาให้รถเลอะเทอะ
หนูดีดูแลตัวเองนะลูก เผลอๆ จะได้เป็นพ่อคนแล้ว

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม

วันนี้ได้เรื่องดีๆ จากเมล์ส่งต่ออีกแล้วค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อนผู้น่ารักที่ส่งเมล์ดีๆ มาให้


คุณค่าแท้ คุณค่าเทียม .. โดย ว. วชิรเมธี
คอลัมน์ Dhamma intrend
โดย ว. วชิรเมธี

ชีวิต : สำคัญที่รู้จักใช้
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าสั้นหรือยาว

เงิน : สำคัญที่รู้จักบริหาร
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามากหรือน้อย

มิตร : สำคัญที่รู้จักคบ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีกี่คน

งาน : สำคัญที่ความสุจริต
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าได้เงินเท่าไหร่

ปัญหา : สำคัญที่การรู้จักวางท่าที
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องเล็ก-ใหญ่

เวลา : สำคัญที่นำไปสู่อะไร
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเวลามากหรือมีน้อย

ปัญญา : สำคัญที่รู้จริง
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ารู้มากไปเสียทุกเรื่อง

การศึกษา : สำคัญที่ความเป็นเลิศทางวิชาการ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจบมาจากสถาบันไหน

ความสุข : สำคัญที่คุณภาพ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่ครอบครอง


ครอบครัว : สำคัญที่ความรักความอบอุ่นความเข้าใจ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของคนที่คุณแต่งงานด้วย


สัมพันธภาพ : สำคัญที่ความจริงใจ
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรู้จักคนมากมายไปทั่วทั้งโลก


นักการเมือง : สำคัญที่ประโยชน์สุขซึ่งเคยรังสรรค์ไว้
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเป็น ส.ส.มาแล้วกี่สมัย

ว. วชิรเมธี

๑๔ มกราคม ๒๕๕๓, ฮานอย, เวียดนาม (หน้าพิเศษ D-Life)


ฉันก็เหมือนกัน ไม่ได้รักที่เขาเป็นผู้พัน ไม่ได้รักที่ยศหรือตำแหน่ง แต่รักในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สิ่งที่ตัดสินใจเลือกแล้ว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด


สิ่งที่ตัดสินใจเลือกแล้ว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด

คนก็ด้วย

เมื่อตัดสินใจว่าจะรักใครแล้ว คนนั้นคือคนที่ควรค่ากับความรักที่เรามอบให้ ไม่ว่าเขาจะใจร้ายกับเราอย่างไรก็ตาม

ยังไงก็รัก หยั่งใดก่อฮัก จะใดก่อฮัก...

ไม่ว่าจะกี่ภาษา ก็เลิฟ เลิฟ อยู่ดี


I don't want another hero, just you is enough!

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความสำเร็จของการเกิดมา


วันนี้ได้รับเมล์ส่งต่อดีๆ อ่านแล้วก็ช่วยเตือนใจให้อยู่บนโลกนี้ต่อไป

"ความสำเร็จของการเกิดมา"

ยิ้มให้บ่อยที่สุด หมายถึงยิ้มให้ตัวเอง และให้คนอื่น
ตื่นเช้าๆ นอนดึกสักหน่อย จะได้มีเวลาดูโลกมากๆ
เห็นโลกให้มากที่สุด นั่นหมายถึงเดินเล่นดูโลกเยอะๆ
ไม่ต้องกินทุกสิ่งที่อร่อย แต่น่าจะอร่อยกับทุกสิ่งที่กิน
ไม่ต้องรักทุกคน ไม่ต้องทำให้ทุกคนรัก แค่มีบางคนที่รักกันจริงๆ
หายใจในจังหวะที่พอดี ไม่ถี่ ไม่เนือยจนเกินไป
ได้อยู่กับครอบครัว ปล่อยมุกให้เขาฮา และฮามุกของเขา
สะสมปัญญา ไม่ใช่เพราะอยากฉลาด แต่จะได้ไม่ทุกข์
เข้าใจโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน เข้าใจมันอย่างที่มันเป็น
ในโลกมีคน เข้าใจโลกหมายถึงเข้าใจผู้คนด้วย
โกรธให้น้อย ชีวิตสั้น โกรธกันมันเสียเวลา
ดื่มน้ำให้มาก นั่นหมายถึงน้ำทุกประเภท
บางวันโค้กก็อร่อย บางวันก็โออิชิ บางวันก็ชาอู่หลง
เกิดมาตั้งนาน จะดื่มน้ำอย่างเดียวมันเศร้าไปหน่อย
แต่ไม่น่าดื่มอะไรซ้ำๆ กันนานๆ เดี๋ยวจะหวานหรือจืดเกิน
แต่น้ำไม่ใช่คน คนไม่ได้มีไว้ดื่ม และคนหนึ่งคนก็มีหลายรสชาติ
คบคนจำนวนมาก หากดูแลใส่ใจเขาได้
หากไม่ไหว น้อยไว้อาจจะดีกว่า

หาความตื่นเต้นใหม่ๆ ให้ชีวิตบ่อยๆ จะได้รู้สึกอยากหายใจต่อไป
ไม่ทิ้งขยะไว้บนโลก โลกมีขยะเยอะแล้ว
สร้างสรรค์อะไรทิ้งไว้บ้าง มุมหนึ่งคือจะได้ภูมิใจ
อีกมุมคือ ความหมายของการเกิดมา
ฟังเพลงเพราะๆ ไม่ด่าเพลงที่ตัวเองคิดว่าไม่เพราะ
เพราะอาจมีคนอื่นเขาชอบเพลงนั้นก็ได้
เอาปากมาร้องเพลงที่เราชอบ ดีกว่าเอาปากไปด่าเพลงที่ไม่ชอบ
อ่านหนังสือให้เยอะที่สุด หนังสือดีๆ อ่านทั้งชีวิตก็ไม่หมด
ถ้าใช้เวลากับเรื่องไร้สาระน้อย จะมีเวลาให้เรื่องมีสาระเยอะ
แต่เรื่องมีสาระมีมาก เวลาเท่าไหร่ก็ไม่พอ
" สาระ " ของแต่ละคนต่างกัน
เรื่องไร้สาระของบางคนอาจเป็นเรื่องมีสาระของบางคน
มีหนังสือหลายเล่มที่อยากอ่านก่อนตาย
ถ้าตายแล้วไม่ได้อ่านก็วางมันไว้บนโลกนี่แหละ
ถ้าชาติหน้ามีจริงจะกลับมาอ่าน ถ้าไม่มีก็ดีแล้ว
คุยกับคนต่อหน้ามากกว่าผ่านอินเตอร์เน็ต
เวลาจ้องตากันนี่มันดีนะ
หลับให้สบาย วางความคิดไว้ข้างเตียง
เกิดมาทั้งทีควรหลับฝันดีทุกคืน (หรือไม่ก็ไม่ต้องฝัน)
หากมีคนที่เราอยากให้เขาฝันดี น่าจะบอกเขาบ่อยๆ
มันไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดจะบันดาลให้มันเป็นจริงหรอก
แต่เขาจะได้รู้สึกดีตั้งแต่ก่อนฝันแล้ว
เวลาหลับเราต้องการความสงบ เวลาตื่นต่างหากที่เราอยากยิ้ม
เกิดมาทั้งทีน่าจะได้ทดลองทำในสิ่งที่อยากทำ
รู้ได้ไงว่าจะได้เกิดมาลองอีกหน โทรไปถามพระพรหมแล้วหรือ
ความสำเร็จ คือการได้ลงมือทำ
ความผิดพลาดคือ อยากแล้วไม่ลอง
ผิดคือครู ไม่ผิดจะเรียนรู้จากใคร
เวลาผ่านไปทุกวัน โอกาสก็ยิ่งน้อยลง
เคารพคนแก่ที่น่าเคารพ เช่นเดียวกับเคารพเด็กที่น่าเคารพ
วันหนึ่งเราจะแก่เหมือนเขา ศึกษาจากความแก่ ดูแลความชรา
เลือกดูทีวีที่ " น่าดู " ใครก็รู้ว่า " น่าดู " คืออะไร
ของใครก็ของมัน
ไปทะเลบ้าง ทะเลมันกว้าง ใหญ่ ช่วยขยายใจได้
ไปภูเขาบ้าง ภูเขามันสูง ตระหง่าน อยู่นานกว่าคน
ขำ-เวลาที่อยากขำ ไม่ต้องอั้นทำเก๊กว่า-ไม่เห็นขำตรงไหน
ชม-เวลาเจออะไรที่ชอบ เก็บเอาไว้ ตายไปไม่ได้บอก
ชื่นชม-สิ่งที่อยากชื่นชม
หากมัวเอาเวลาไปตั้งแง่ จะเหลือเวลาที่ไหนให้ชื่นชม

ความสำเร็จอาจเหมือนก้อนอิฐ ที่ต้องก่อร่างทีละก้อน
เพื่อเห็นผลสำเร็จในปั้นปลาย หากไม่ก่อวันนี้จะมีตึกไหม
หรืออาจเหมือนลมหายใจที่ไหลวนปนอยู่ในชีวิตทุกวินาที
แทนที่จะสำเร็จตอนอายุสี่สิบ ห้าสิบ หกสิบ หรือเจ็ดสิบ
ทำไมเราไม่สำเร็จมัน ณ วินาทีนี้เลย
คนเราอาจประสบความสำเร็จได้ในทุกวินาที
แต่เราจะประสบความสำเร็จได้
คงต้องตอบตัวเองก่อนว่า
นิยามของความสำเร็จของเราคืออะไร
เมื่อตอบได้ และทำมันสำเร็จ
นั่นอาจนับได้ว่า เกิดมา เราประสบความสำเร็จแล้ว

จากนักเขียน ที่ชื่อว่า "นิ้วกลม"

*แรงบันดาลใจจาก Ralph Waldo Emerson

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

That’s what friends are for

That’s what friends are for
ร้องโดย Dionne Warwick and Friends

แปลโดย ป๊อบ


And I never thought I'd feel this way
And as far as I'm concerned
I'm glad I got the chance to say
That I do believe I love you
ฉัน..ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะรู้สึกเช่นนี้
เฝ้าครุ่นคิดมานาน และในตอนนี้ ฉันยินดีที่มีโอกาสได้พูดว่า ฉันรักเธอ จริงๆ ฉันเชื่อเช่นนั้น

And if I should ever go away
Well, then close your eyes and try to feel
The way we do today
And then if you can remember
และหากวันหนึ่ง หากฉันต้องจากไป
ก็จงหลับตา และนึกถึงสิ่งที่เราได้ทำในวันนี้
และถ้าเธอจำได้....

Keep smilin', keep shinin'
Knowin' you can always count on me, for sure
That's what friends are for
For good times and bad times
I'll be on your side forever more
That's what friends are for
จงยิ้มรับทุกสิ่ง จงเปล่งแสงประกายสุกใส
ให้รู้ไว้ว่า ... เธอไว้ใจฉันได้ ตลอดไป
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน
ทั้งในช่วงเวลาที่มีความสุขและความทุกข์
ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน


Well, you came and opened me
And now there's so much more I see
And so by the way I thank you
เธอเข้ามาในชีวิต และทำให้ฉันเข้าใจเรื่องราวต่างๆ มากมาย
และตอนนี้ ฉันก็เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้มากขึ้น
อย่างไรก็ ขอบคุณเพื่อนคนนี้มากๆ

Whoa, and then for the times when we're apart
Well, then close your eyes and know
These words are comin' from my heart
And then if you can remember, oh
และเมื่อถึงเวลาที่เราต้องจากกัน
จงหลับตา และรับรู้ว่า คำทุกคำในเพลงนี้ ออกมาจากหัวใจของฉัน
และถ้าเธอจำได้...

Keep smiling, keep shining
Knowing you can always count on me, for sure
That's what friends are for
In good times, in bad times
I'll be on your side forever more
Oh, that's what friends are for
จงยิ้มสู้ จงส่องแสงเปล่งประกาย
รู้ไว้เสมอว่า เธอไว้ใจฉันได้เสมอ... ตลอดไป
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน
ทั้งในยามสุข และยามทุกข์
ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน

Whoa... oh... oh... keep smilin', keep shinin'
Knowin' you can always count on me, for sure
That's what friends are for
For good times and bad times
I'll be on your side forever more
That's what friends are for
จงยิ้มสู้ จงส่องแสงเปล่งประกาย
รู้ไว้เสมอว่า เธอไว้ใจฉันได้เสมอ... ตลอดไป
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน
ทั้งในยามสุข และยามทุกข์
ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน

Keep smilin', keep shinin'
Knowin' you can always count on me, oh, for sure
'Cause I tell you that's what friends are for
For good times and for bad times
I'll be on your side forever more
That's what friends are for (That's what friends are for)
จงยิ้มสู้ จงส่องแสงเปล่งประกาย
รู้ไว้เสมอว่า เธอไว้ใจฉันได้เสมอ... ตลอดไป
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน
ทั้งในยามสุข และยามทุกข์
ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
นี่คือความหมายของคำว่า เพื่อน

On me, for sure
That's what friends are for
Keep smilin', keep shinin'

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เพื่อเธอตลอดไป


อยู่มาจนวันนี้เพื่อเจอเธอ

จะอยู่เพื่อเธอ ตลอดไป

จะเอาความรักที่มีเก็บไว้

เพื่อรอคอยวันที่เธอมองผ่านมา

อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ

อีกนานแค่ไหนรักนี้ยังอยู่

อยู่เป็นรักแท้เพื่อเธอเท่านั้น

ด้วยใจที่พร้อมให้เธอจากคนอย่างฉัน

และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว

บางส่วนจากเพลง เพื่อเธอตลอดไป - อินคา

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แล้วก็เศร้าได้อีก


ความผิดหวัง ย่อมมาพร้อมกับ ความสมหวัง

ความสุข ย่อมตามมาด้วย ความทุกข์

สลับสับเปลี่ยนกันไปแบบนี้

วันนี้อาจจะทุกข์ พรุ่งนี้อาจเปลี่ยนเป็นสุขได้ ภายในชั่วข้ามคืน

ก็โลกเราเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ถึงธรรมชาติ ความเป็นไปของโลก

เข้าใจ ว่าบางครั้ง สิ่งต่างๆ ก็เกิดขึ้นนอกเหนือจากความคาดหมาย

แล้วจะยึดติดกับสิ่งใด ไม่นาน ทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป....

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อยู่ไปเพื่ออะไร

ก่อนหน้านี้ เคยมีคำถามเกิดขึ้นกับตัวเองว่า "จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร เพื่อใคร" พ่อแม่ก็ไม่อยู่แล้ว จะมีชีวิตอยู่ ต่อไป ทำไมอีก

ชีวิตที่เหลืออยู่ ยังโชคดีที่ได้พบกับความรักที่คิดว่า เป็นรักจริงเข้าแล้ว ชีวิตนี้ ตั้งแต่โตขึ้นมาจนแก่ปูนนี้ ไม่เคยรู้สึกรักใครมากเท่ากับผู้ชายคนนี้มาก่อน นึกอยากดูแลเขาไปจนแก่จนเฒ่า อะไรทำให้คิดแบบนั้นก็ไม่รู้ แถมยังรักคนที่รักไม่ได้อีก แต่ใจมันก็ดื้อจะรัก ดังนั้น ก็ต้องรับผลที่จะตามมา คือเศร้าซะเอง ชาติหน้า ค่อยว่ากัน...ชาตินี้ บุญคงน้อยไป แต่แค่ได้เจอเขา ได้รักเขา ก็นับว่ายังพอมีบุญอยู่บ้าง ชีวิตนี้ก็ยังไม่เลวร้ายกับฉันมากเกินไปนัก

แค่สุขใจ ที่ได้รัก ที่ได้มอบความรัก ให้กับผู้ชายคนนั้น ชีวิตก็เพียงพอแล้ว ฉันไม่เคยเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ ก็ได้รักแล้วนี่นะ จะหวังอะไรอีก
ขอบคุณผู้ชายคนนั้น ที่ยอมให้ฉันรักเขาได้มาจนถึงทุกวันนี้



ทีนี้ ชีวิตก็สมบูรณ์แบบแล้ว พร้อมจะจากไปได้ทุกเมื่อ บางวันที่ท้อ ก็ร้องไห้ เรียกหาพ่อแม่ให้มารับไปเสียที ไม่อยากอยู่แล้ว โลกหม่นๆ ใบนี้

อยู่ไป ก็เป็นคนแปลกหน้า เป็นส่วนเกินของชีวิตคนอื่น.....


ส่วนสมาคมชาวแมวของฉัน หากฉันจากไป ก็ถือว่าเป็นกรรมของพวกเขา ที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพกันเอง บุญกรรมเราสิ้นสุดกันแค่นี้ ถ้ามีโอกาส คงได้เจอกันอีกในภพหน้า...

เรื่องงาน ความก้าวหน้าคงหยุดอยู่แค่นี้ เพราะฉันไม่ใช่ประเภท ใช่ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย ... เลือกแล้วนี่นะ หากทำงาน ขอเลือกความสบายใจ มากกว่า ยศตำแหน่ง หรือเงินทอง...ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด นั่นก็เพียงพอแล้ว...

แล้ววันหนึ่ง ก็ค้นพบจากธรรมะว่า การมีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นยากหนักหนา
ควรจะภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคน มีโอกาสได้ทำความดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้คนอื่น
ถ้าเช่นนั้น ก็อยู่ไปก่อน เพราะลมหายใจยังไม่หมดสิ้น แต่วันไหน ไม่มีลมหายใจแล้ว ถ้าวันหนึ่งฉันจากโลกนี้ไป จะมีใครคิดถึงฉันไหมหนอ

ฉันไม่ใช่นางเอก





วันนี้มีเรื่องแปลกๆ
มีคนคิดว่าฉันใจดี มาขอที่จอดรถกันง่ายๆ เหตุเพราะอ้างว่า เกรงจะเอารถใหม่ไปครูดเสา และฉันก็ขับรถเก่งกว่า ดังนั้น ฉันควรยกที่จอดรถ ที่จอดมาสิบปีนี้ให้คนที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อน
ที่จอดรถของฉัน อยู่ตรงกลางไม่ติดเสา เข้าออกง่าย จอดตรงนี้มาสิบปี ส่วนรถของเขา จอดอยู่ข้างๆ กัน แต่ชิดเสา จอดแบบนี้มาสิบปีเหมือนกัน ไม่เคยบ่น
บอกว่าเกือบเอารถไปครูดเสา ฉันก็เตือนไปว่า เราขับรถใหม่ ก็ต้องระวัง แถมบอกวิธีถอย วิธีเข้าจอดให้เรียบร้อย (ก็งงเล็กน้อยว่า จอดมาสิบปีแล้ว ต้องบอกกัน ได้อีก) แถมเหตุผลที่เขาบอกว่า ฉันขับรถเก่งกว่า ควรย้ายที่ออกไป แล้วให้เขามาจอดที่ของฉันแทน ฉันก็คิดในใจว่า แล้วเขาเอาอะไรมาวัดว่าฉันเก่งกว่า รถคันเก่าของฉัน เป็นรอยถลอกปอกเปิก มากกว่ารถคันเก่าของเขาเสียอีก อิอิ
ถ้าขอกันดีๆ สิบปีที่แล้ว ฉันคงให้อย่างไม่มีปัญหา แต่นี่ มาขอกันเมื่อออกรถใหม่ได้หกเดือนผ่านไป ส่วนฉัน ก้อออกรถใหม่ ตามหลังกันมา
ขอกันเรื่องอื่น ถ้าไม่ลำบากมากนัก ไม่เคยปฏิเสธอะไรใคร ทุกคนรู้กันทั่ว
แต่เรื่องแบบนี้ ถ้าฉันปฏิเสธไปตรงๆ หวังว่าคงไม่โกรธกัน