วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

วันสอบเสร็จ


วันนี้สอบประมวลความรู้ เกือบจะแย่ แต่ก็คิดว่าทำดีที่สุด

ดีใจ ที่ชายผู้เป็นที่รักและชื่อเดียวกัน โทรมาให้กำลังใจแต่เช้า อบอุ่น ได้แค่นี้ก็ดีจะแย่อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเรียกร้องอะไรให้มากกว่าที่เป็นอยู่ รักแบบพอเพียงคอนเสปต์เดิม

ทำข้อสอบข้อ 1 เหมือนจะทำได้นะ แต่แอร์เย็นมากจนถึงมากที่สุด เย็นจนปวดหัว หรือปวดหัวเพราะคิดหนักกันนะ

ส่วนข้อ 2 โอ้วมายก๊อด อาจารย์ออกข้อสอบแบบเข็มขัดสั้นคือ คาดไม่ถึง อุตส่าห์ไปนั่งดูเคสต่างๆ ที่ระอุอยู่ในปัจจุบัน กลับดันไม่ออกเสียนี่ ส่วนที่เอามาออก ก้อให้คิดเชิงสร้างสรรค์สุดๆ ในช่วงบ่าย แอร์กลับไม่เย็นมาก ร่างกายปรับไม่ทัน ท่าทางไข้จะรับประทาน เขียนข้อสอบคราวนี้ ทำให้ดีที่สุดแล้ว พยายามแทรกทฤษฎีที่สอดคล้องกับโครงการบริการสาธารณะ "เชียงใหม่ คาร์พูล" แทบจะทุกระยะ แถมตบท้าย หยอดด้วยแนวคิดของผู้นำ (Leadership) ผู้บริหารมืออาชีพ และ Good Governance ในฐานะที่อุตส่าห์ท่องมาแล้ว ไม่ยอมๆๆ จะเขียนๆๆ อิอิ

สอบเสร็จหมดพลัง ปวดหัวและเจ็บคอ กลับบ้านนอนดูหนัง สบายใจเฉิบ


วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

บทความดีๆ

ขออนุญาตนำบทความเรื่อง "แค่รู้...ก็ไม่หลงทางรัก" จาก อ.ดังตฤณ มาฝากกันค่ะ ติดตามได้ที่นี่ http://dungtrin.com/

"ทำไมนะคนเราถึงโหยหาที่จะมีความรัก"นอกจากความเรียกร้องของสัญชาตญาณทางเพศแล้ว คนหนุ่มสาวหลายคนกำลังโหยหาความรัก เพราะไปสำคัญว่าความรักนี่แหละจะช่วยผลักไสให้ความเหงาและความโดดเดี่ยวที่ตนกำลังเผชิญอยู่ห่างออกไปได้ ทั้งที่มีหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อย กลับเหงาและโดดเดี่ยวมากขึ้นเมื่อมีความรัก พร้อมทั้งวิตกกังวลและว้าวุ่นใจเพราะคนที่รักเมื่อเราปรารถนาให้ใครสักคนมาอยู่ข้างกายหรือเป็นคู่รัก เราไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุการณ์ต่อไปในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น พระพุทธองค์ตรัสว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” เพราะความรักมีอีกชื่อหนึ่งว่า “กามตัณหา” ซึ่งคือกิเลสอันเจือด้วย ราคะ เฝ้าแต่เรียกร้องต่างๆนานาให้ตอบสนองกันและกันอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นเมื่อเรากำลังเหงาและว้าเหว่จากการไขว่คว้าหาความรักอยู่ล่ะก็ โปรดตระหนักรู้ว่า เราทุกข์เพราะ “ความเหงา” เท่านั้นเอง มันไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่เลย ความเหงาเป็นเพียงคลื่นความคิดที่ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยือนใจเราและก็ผ่านออกไป ขอให้การตระหนักรู้นี้อาบรดจิตใจของเราอยู่บ่อยๆ"แล้วเราจะดูแลความเหงาได้อย่างไร"
เรามีวิธีเยียวยา “ความเหงา” ง่ายๆ คือ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่าง แต่สร้างกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ จรรโลงใจ และสามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น เช่น การเล่นกีฬา พูดคุยเรื่องราวธรรมะ ช่วยเหลือสังคม หรือผู้ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า คนชราที่ถูกทอดทิ้ง ทำบุญ ให้ทาน เป็นต้น ไม่ใช่กิจกรรมหรือเรื่องราวที่นำพาจิตใจของเราให้ไหลลงต่ำ หรือเรื่องราวที่วกเข้ามาสู่เรื่องเพศ ซึ่งจะทำให้เรามีจิตใจที่หม่นหมอง ดำมืด และหดหู่เพิ่มมากยิ่งขึ้น บางครั้งจะนำไปสู่ความเคียดแค้น ชิงชัง อันเป็นอารมณ์ทางลบ เพราะโดยปกติผู้ที่มีความหงอยเหงาจากความรักนั้น หากจิตใจฟุ้งซ่านและมีความคิดไหลลงต่ำแล้วมักจะวกหาเข้าสู่เรื่องเพศเสมอ
ความจริงเราได้ลิ้มรสความรักได้โดยไม่ต้องรอคอยให้ใครมาถึงตัวเสียก่อน เพียงเราตระหนักรู้ความคิดของเราให้ไปในทางที่ปรารถนาดีกับสรรพชีวิตอื่นๆได้ เราก็อยู่กับความรักในขณะนั้นๆ แล้ว "หากเรามีรักที่ไม่สมหวัง เราจะดูแลความเศร้า ความน้อยอก น้อยใจของตัวเองได้อย่างไร"ไม่เพียงแต่ความเหงา ความโกรธ ความน้อยใจ ก็ดี เราสามารถใช้อารมณ์เหล่านี้มาเป็นตัวตั้งในการเริ่มฝึกสร้างความปรารถนาดีได้ เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ด้านลบเหล่านี้เกิดขึ้น ขอให้เราเพียงแค่ตระหนักรู้เท่านั้นว่าอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ทำความรับรู้ถึงอารมณ์นั้นไปตรงๆ ทำความรู้สึกบ่อยๆ เราก็จะเลิกยึดอารมณ์ด้านลบเหล่านั้นไปเองโดยไม่ต้องข่มหรือพยายามใดๆ ยิ่งฝึกบ่อยๆก็จะยิ่งเห็นอารมณ์ด้านลบหายไปเร็วขึ้น เราจะไม่ปล่อยให้อารมณ์ด้านลบนี้ออกมาทางวาจาและการกระทำ ปล่อยให้เป็นเพียงควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในความคิดเท่านั้น ไม่คิดถึงเรื่องต้นเหตุ แล้วในที่สุดมันจะหายไปให้ดูต่อหน้าต่อตา ขอให้เราฝึกเช่นนี้ เราจะกลายเป็นนักดูอารมณ์ ไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ ไม่แม้กระทั่งไปครอบงำอารมณ์ด้วย เหมือนแยกเป็นคนละฝ่าย ฝ่ายหนึ่งแสดงอารมณ์ให้ดู อีกฝ่ายรู้อารมณ์ไป ฝ่ายแสดงไม่ชอบให้มารู้ เมื่อมีฝ่ายมารู้ก็จะรีบหนีไปทันที เมื่อเราฝึกเช่นนี้จนถึงจุดหนึ่งเราจะรู้สึก “โล่งอก” ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความโล่งอกสบายๆ อยู่เรื่อยๆ ไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับใคร มีความสุขกับใจของตนเองได้"
จริงๆแล้ว รักแท้มีจริงหรือเปล่า"หนุ่มสาวเมื่อตกลงมาอยู่ในสภาวะคู่กัน ต่างต้องตระหนักรู้ว่าแต่ละคนแตกต่างกัน เปรียบได้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์ในโรงงานที่ต่างกัน แต่เมื่อนำมาประกอบกันแล้วจะต้องสามารถใช้การได้ดี ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากันได้ธรรมชาติการคบกันของหนุ่มสาวนั้น แตกต่างจากการคบกันแบบเพื่อน แบบพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ดังนั้นความดึงดูดกันจะมีอายุจำกัด จึงต้องเฝ้าเติมเหตุปัจจัยที่จะรักษาความดึงดูดเอาไว้ เฝ้าเติมไปจนล้าเมื่อใด ในที่สุดมันจะหมดลง เพราะความรักแบบนี้มีอายุได้นานเท่าที่เหตุปัจจัยยังคงอยู่ สิ่งที่ทำให้คู่รักดำรงอยู่ด้วยกันได้ คือบุญที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกกลมกลืน กลมเกลียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน หรือใกล้เคียงความเป็นหนึ่งเดียวกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บุญในที่นี้คือ การคิด การพูด การทำในสิ่งที่จะทำให้ความรู้สึกมีความดึงดูดต่อกัน ไม่ใช่การใส่บาตรหรือถวายสังฆทานเพราะสิ่งนี้จะสร้างอารมณ์หวานขึ้นมาได้ชั่ววูบใหญ่ๆ แต่ความรู้สึกที่เป็นรากแก้วหยั่ง ลึกลงไปอยู่ด้วยกัน ต้องอาศัยความคิด คำพูด และการกระทำที่ดีต่อกัน ในทางที่มีความนุ่มนวล ในทางที่เป็นมิตร โดยทั้งคู่ต้องปรับตัวเข้าหากัน ปรับคลื่นความคิด ปรับคำพูด และปรับการกระทำให้กลมกลืน กลมเกลียว และหยั่งรากอยู่ด้วยกัน นั่นคือความหมายของคู่รักที่แท้ ซึ่งไม่ได้มีอยู่อย่างถาวร มันมีการดำรงอยู่แค่อายุของบุญอันเกิดจากการปรับได้แล้วของความคิด คำพูด และการกระทำเท่านั้น นี่คือสิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีรากมาจากความคิด คำพูด และการกระทำเมื่อเกิดปัญหาในภาวะคู่ขึ้นมา เราต้องตระหนักรู้ว่านั่นคือภาวะหนึ่ง เป็นความผูกพันระดับหนึ่ง มีความอดทนต่อการแตกร้าวระดับหนึ่ง ไม่ใช่ความเป็นเนื้อเดียวกันดุจธาตุกายสิทธิ์ที่ไม่มีทางพังพินาศ เราควรมองให้ถูกจุดว่าเรากำลังยึดถือในสิ่งที่ไม่สามารถยึดถือได้ เราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่าเราต่างเป็นคนแปลกหน้าที่มาคบกัน เกิดจากความตกลงร่วมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
"เราควรปฏิบัติอย่างไรกับรักที่ไม่ราบรื่น สมหวัง"ในอีกทางหนึ่ง เรารู้แล้วว่าภาวะคู่ผูกพันด้วยสายใย จึงเป็นไปได้ที่จะสร้างเสริมสายใยขึ้นมาใหม่อย่างไม่จำกัด เดิมมีสายใยที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอยู่ก่อน จากบุญเก่าในอดีตที่ทำไว้ระหว่างกัน เราจะวัดระดับว่าสายใยหนาแน่นแข็งแรงเพียงใด ก็ด้วยการลองเจอปัญหา หรือเจอสิ่งที่ไม่ชอบในตัวอีกฝ่าย แล้วดูว่าสามารถรับได้แค่ไหน โดยเฉพาะที่ต้องเจอซ้ำๆ ถ้าความอดทนต่ำก็แปลว่าสายใยผูกพันไม่ได้เหนียวแน่นหรือแข็งแรงอะไรเลย แต่หากยังรักมากอยู่อีก ใจเราจะยิ่งอดทนสู้มากขึ้น แต่หากหมดแรงที่จะรัก ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องฝืน เพราะฝืนแล้วเราจะต้องทุกข์ เป็นธรรมชาติที่หลังจากร่วมคบหากันไปสักระยะ ตัวตนของทั้งคู่จะแสดงออกมา ตรงนั้นเราต้องเชื่อสามัญสำนึกแล้วว่าเราสามารถที่จะรับได้ไหม เมื่อหลังจากพยายามอดทนกล้ำกลืนระยะหนึ่งแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น บางทีการลองห่างกันไปบ้างเพื่อรักษาจิตใจก็อาจเป็นวิธีรักษาความรักไว้ แต่ถ้ากลับมาร่วมทางกันอีกครั้ง ให้ต่ออายุรักด้วยความตื่นรู้ที่จะละบาป ละเวร เลิกแล้วต่อกัน เปลี่ยนเป็นคิดดี พูดดี ทำดีต่อกัน การจากกันชั่วคราวของเรา จะเท่ากับเป็นการปล่อยให้ความรักตายไป เพื่อให้มันเกิดใหม่อย่างไร้มลทิน ในวันหนึ่งเราสามารถพัฒนาความรักฉันคู่รักขึ้นมาได้ ด้วยการพยายามตื่นรู้ที่จะแปรเปลี่ยนทุกเรื่องราว ทุกการกระทำต่อกันให้ดีขึ้น เมื่อละความหลงออกแล้วความตระหนักรู้ในสัจธรรมแห่งความเปลี่ยนแปลงก็จะเข้ามาแทนที่ คุณค่าสูงสุดของรักแท้ คือการมีกันและกัน เตือนสติกันและกัน ประคับประคองและเกื้อกูลกันบนเส้นทางที่สูงขึ้น จนกว่าจะถึงความสิ้นสุดแห่งทุกข์คือพระนิพพาน การพากันรักพระนิพพานนั่นแหละคือรักอันเหนือรักอย่างแท้จริง อันเป็นความรักที่จะพัฒนาตัวมันเองให้แผ่กว้างไปสู่สรรพชีวิต ไม่จำกัดอยู่แต่กับคู่รักเท่านั้น จึงมีแต่ได้กับได้ เพราะแม้ยังไปไม่ถึงฝั่ง อย่างน้อยที่สุดก็ได้ชื่อว่ารักจะเป็นสุข ไม่ใช่รักจะเป็นทุกข์เยี่ยงคนหลงทาง หาทางออกยังไม่เจอ
การที่จะให้คนอื่นมีความสุขนั้น การกระทำที่สำคัญคือการให้

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

ว่างเปล่า


เหมือนจะท้อ เหมือนจะเหนื่อย

ไม่เหมือนหรอก รู้สึกแบบนั้นจริงๆ

วันเสาร์ที่ 30 นี้ก็จะขึ้นเขียงแล้ว คราวนี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนะ

ต้องการกำลังใจจากใครบางคนก็หาไม่ค่อยจะได้ เฮ้อ เศร้าระเบิดระเบ้อ

.......Y__Y อยากร้องไห้


วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

ความรัก กับ อากาศ เลือกที่จะขาดสิ่งไหน?


วันนี้มี forwarded mail ดีๆ มาฝาก

จริงซะด้วยสิ

ไม่มีรัก ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน...





ไม่มีอากาศ . . . ก็ไม่มีลมหายใจ

ไม่มีความรัก ยังหายใจได้ เหมือนทุกวัน

อากาศไม่ต้องเสาะแสวงหา

แต่ความรักจะได้มาต้องบากบั่น

อากาศได้มาง่ายๆ และมีอยู่มากมายร้อยพัน

ส่วนความรัก แม้เพียงฝัน . . . ก็สุขใจ

อากาศแทบไม่มีน้ำหนัก

ส่วนความรัก ใครก็เห็นว่ายิ่งใหญ่

อากาศ ไม่เคยสร้างความเสียใจ

หากความรัก ทำให้ต้องร้องไห้ มีน้ำตา

อากาศ ทำให้ทุกชีวิตดำรงอยู่

และความรัก ทำให้ลมหายใจทุกอณูมีคุณค่า

อากาศมองเห็นได้ยากด้วยสายตา

ส่วนความรัก เห็นด้วยตารู้ด้วยใจ

มีอากาศโลกก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่

มีความรักโลกจะกลายเป็นสีชมพูหวานไหว

สำหรับอากาศ เข้า-ออกตามลมหายใจ

แต่ความรักหากมีไว้ . . . ก็ไม่อยากสูญเสียไปสักนิดเดียว

ดูแลรักษาอากาศว่าลำบาก

ดูแลความรัก ยิ่งยุ่งยาก หากไม่ชอบแลเหลียว

อากาศมากเท่าไหร่ . . . ก็ไม่กลมเกลียว

ความรักแม้บางเบาก็แน่นเหนียว . . .และผูกพัน

ส่วนประกอบของอากาศสามารถบรรยาย

แต่ความรักไม่อาจอธิบายด้วยคำสั้นๆ

อากาศ อาจดี - แย่ แต่ละวัน

ส่วนความรักนั้น จะยังคงอบอุ่นกรุ่นหัวใจ

"ความรัก" กับ "อากาศ"

หากถามว่าเลือกที่จะขาดสิ่งไหน

แม้อากาศจำเป็นสักเพียงใด

ในโลกที่ความรักสิ้นไร้ . .ก็ไม่อาจทนอยู่ได้ เช่นกัน. .

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

Air Supply — Making Love Out Of Nothing At All



ขออนุญาตนำเพลงโปรด Air Supply — Making Love Out Of Nothing At All มาฝาก ชื่อเพลงยังไม่มีปัญญาแปลให้ถูก แปลว่าไรนะ งงๆ ใครรู้บ้าง วานช่วยทำบุญบอกเจ้าของบล็อกหน่อยนะคะ

I know just how to whisper
And I know just how to cry
I know just where to find the answers
And I know just how to lie
I know just how to fake it
And I know just how to scheme
I know just when to face the truth
And then I know just when to dream
And I know just where to touch you
And I know just what to prove
I know when to pull you closer
And I know when to let you loose (ชอบท่อนนี้มากๆ )
And I know the night is fading
And I know the time's gonna fly
And I'm never gonna tell you
Everything I gotta tell you
But I know I gotta give it a try
And I know the roads to riches
And I know the ways to fame
I know all the rules
And I know how to break 'em
And I always know the name of the game
But I don't know how to leave you
And I'll never let you fall
And I don't know how you do it
Making love out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Everytime I see you all the rays of the sun
Are streaming through the waves in your hair
And every star in the sky is taking aim at your eyes
Like a spotlight
The beating of my heart is a drum and it's lost
And it's looking for a rhythm like you
You can take the darkness from the pit of the night
And turn into a beacon burning endlessly bright
I've gotta follow it 'cause everything
I know Well it's nothing till
I give it to you I can make the runner stumble
I can make the final block
And I can make every tackle at the sound of the whistle
I can make all the stadiums rock
I can make tonight forever Or
I can make it disappear by the dawn
I can make you every promise that has ever been made
I can make all your demons be gone
But I'm never gonna make it without you
Do you really want to see me crawl
And I'm never gonna make it like you do
Making love out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all
Making love, Out of nothing at all

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

รูปถ่ายจากจิตวิญญาน

โจอี้ นั่งเป็นเพื่อน ตอนทำงาน สบตาแป๋วๆๆ
วัดสวนดอกในวันที่ฟ้าสวย ...
เห็บโจอี้ น้องๆ บอกว่าพี่ป๊อบพิลึกคน ถ่ายเห็บโจอี้เป็นที่ระลึก...ช่างอ้วนดีแท้ เหมือนเห็ดถอบแต๊น่อ จับมาแกงใส่ยอดมะขามซะดีม้ายย...
ขุนช่างเคี่ยน มค. 52 ไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือปิยะป๊อบนะ เริ่ดดด

โซลูน่าคันเก่า คิดถึงจัง....

แบทแมนพุดเดิ้ล ถนนคนเดิน เชียงใหม่ ธ.ค.52

เหลือไว้ให้ฉันบ้าง....
อร่อย มีฟามสุข...แต่ตอนนี้ล่ะ...Y__Y เฮ้อ...ความสุขมักตามมาด้วยความทุกข์เสมอ และความทุกข์ มักจะตามมาด้วยความสุขเช่นกัน...ขอให้เป็นเช่นนั้นนะ สัจธรรมของโลก... ฉันต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้...
น่ากินแต๊ๆ อยากกินวันละก้อนแล้วไม่อ้วน ได้ไหม...
วันสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกัน....

ฉันรักเธอ โตโยต้า...

พี่อูฐเมื่อยขา...
อะเจ๋ยยยย
พี่อูฐยิ้มให้ ชอบละซี้...
ดอกสตรอเบอรี่ ... ทำไมไม่ใช่สีแดง...

สตรอเบอรี่ หวานๆ อร่อยๆ กินได้สดๆ จากต้น ไร้สาร....ถ้ามีคนๆ นั้นไปด้วยก็คงดีไม่น้อย

หมาคิขุ ใส่เสื้อหนาวสีชมพู คณะสังคมศาสตร์ มช.

รถคันนี้ ใครนั่งข้างในนะ อ้อ...ผู้กุมบังเหียนหัวใจ...
คิดถึงคนอยู่ในรถ..รักคนขับมากๆ
ภาพแห่งความจริง..สองแม่ลูก...ในวันที่หาประสบการณ์

โจอี้ขอฝากฝังบุญรอดไว้กับพี่ป๊อบเน่อเจ้า

รูปสวย คนก็งาม


รูปเหล่านี้ ล้วนมีจิตวิญญานอยู่ในภาพถ่าย...













































keywordประจำperiod







ความผิดหวังย่อมเป็นธรรมดาของโลก

ยังไม่ชินอีก ฤ

สอบคอมพรีฯ จะเอาอะไรไปสอบกับเขานะ

where is the love....

michelle, my michelle...

only these songs and you are in my head....

คิดถึงแมวชื่อน้อย...หนูดีก็มาหาพี่บ่อยๆนะ

balanced scorecard เมื่อไหร่จะเสร็จ(เสียที)
เอเปคล่ะ แค่เริ่มก็วุ่นซะแล้ว

เพื่อนฉันคนนึงหายไปไหน

ไอเอส จะทำไรต่อดี แบบสัมภาษณ์ ร่างเสียทีสิแม่คุณ...

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

อวตาร Avatar




เมื่อวาน ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่อง Avatar กับน้องวรรณ์ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่เพราะทริปนี้ เดินทางไปโรบินสันด้วยมอเตอร์ไซค์ ฉวัดเฉวียน หน้าหวาดเสียวแต่ได้ใจ


หนังเรื่องนี้ ใช้เทคนิคตระการตา คนทำช่างมีจินตนาการสูงส่ง หากเราได้ไปอยู่ในดาวแพนโดร่าได้คงดี แต่ไม่ต้องมีผู้พันนั่นมาถล่มเมืองนะ


ขออนุญาตนำรูปจากเว๊บของ majorcineplex มาประดับไว้บนบล็อกนี้สักสองสามภาพ คงไม่ว่ากันนะคะ


มีเรื่องขำ พวกเราตั้งใจดูหนังเรื่องกันมากๆ แต่น้องวรรณ์เกิดแพ้ความเป็นสามมิติเข้า


ของข้าพเจ้าเองก็เช่นกัน ดูภาพไม่ชัดนัก แต่ก็ได้รู้ว่า อ้อนี่เอง ที่เขาเรียกสามมิติ อิอิ